รักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็นจากสิว

หลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิวเกิดจากอะไร

         หลุมสิวและรอยแผลเกิดจากร่องรอยหลังจากการเป็นสิวอักเสบและสิวอุดตัน มีลักษณะเป็นหลุมเล็กๆ ผิวไม่เรียบเนียน ขรุขระ ผิวของเราจึงสร้างกระบวนการรักษาตัวเองโดยการที่หลั่งเอนไซม์ Collagenase ออกมาสลายคอลลาเจนจึงทำให้เนื้อเยื่อในบริเวณที่เคยเป็นสิวถูกยุบตัวลงจนทิ้งให้เห็นเป็นหลุมอย่างชัดเจน หลุมสิวสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับความรุนแรงดังนี้

  1. Rolling Scar มีความกว้างของปากหลุมสิวประมาณ 1 – 4 มิลลิเมตร โดยมีลักษณะหลุมเป็นเว้าลงไปประมาณ 0.1 – 0.5 มิลลิเมตร ซึ่งเกิดจากการแกะ แคะ เกา สามารถรักษาได้ง่ายกว่าระดับอื่นๆเพราะหลุมค่อนข้างตื้น
  2. Box Scar มีความกว้างของปากหลุมประมาณ 4 – 5 มิลลิเมตร โดยมีลักษณะหลุมลึกเพียงชั้นผิวถึงชั้นรูขุมขนจึงสามารถรักษาให้หายและเรียบเนียนได้
  3. Ice Pick Scar โดยมีลักษณะปากหลุมแคบ 2 มิลลิเมตร เป็นหลุมลึกไปจนถึงชั้นรูขุมขนและรักษาได้ยาก ใช้เวลาในการรักษายาวนานได้เพียงแต่ช่วยให้ตื้นขึ้นเท่านั้น

จะรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างไร

แนวทางในการรักษาลุมสิวและรอยสิว มีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน

1.การรักษาหลุมสิว รอยสิวด้วยการใช้ยาในกลุ่ม AHAs (Alpha Hydroxyl Acids) หรือเรียกง่ายๆว่า กรดผลไม้ มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขนและทำให้หลุมสิวและรอยแผลดูจากลง แต่หากผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่ายควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

2.การรักษาหลุมสิว รอยสิวด้วยการใช้ยาในกลุ่ม Retinoid มีคุณสมบัติในการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้รอยสิวและรอยแผลจากสิวดูจากลง และยามีความไวต่อแสงจึงทาได้เฉพาะช่วงเวลากลางคืน

3.การรักษาหลุมสิว รอยสิวด้วยการใช้กรดซาลิซีลิก (Salicylic) ใช้ในการแต้มเฉพาะจุดมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ช่วยให้บริเวณหลุมสิวตื้นขึ้น

4.การทำเลเซอร์รักษาสิว โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนประเมินใบหน้าคนไข้ว่าสภาพผิวเหมาะกับการทำเลเซอร์แบบใด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

• Co² Fracional Laser เหมาะสำหรับคนไข้ที่เป็นหลุมสิวและรอยแผล การทำงานของเลเซอร์จะมีประสิทธิภาพที่ดีกับการรักษารอยแผลเป็นจากสิวหรือหลุมสิวที่ลึก ทำให้ใบหน้าเรียบเนียน กระจ่างใส
• IPL Laser ช่วยในการลดเลือนรอยแผลจากสิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน
• Q – Switch Laser ช่วยในการแก้ปัญหารอยแผลเป็นจากสิว ทำให้รอยแผลดูจางลงและผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น

5.การฉีดสารเติมเต็มหรือฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection) เป็นวิธีการรักษาโดยการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณหลุมสิว ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น เรียบเนียนไปกับผิว

6.การเลาะพังผืดใต้ชั้นผิว เป็นวิธีการรักษาโดยใช้เข็มขนาดเล็กเซาะเพื่อทำลายพังผืดใต้ชั้นผิว เพื่อให้คอลลาเจนใต้ชั้นผิวเกิดการสร้างตัวขึ้นมาใหม่ ทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น เรียบเนียน

เมื่อเป็นหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิวควรดูแลอย่างไร

  1. คนไข้ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรักษาสิวเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นเพื่อความอ่อนโยนของผิวโดยเฉพาะ ทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิว ไม่เกินวันละ 2 ครั้ง
  2. คนไข้ต้องทายาที่มีส่วนผสมในกลุ่มของกรดผลไม้และวิตามินเอ เพราะจะช่วยผลัดเซลล์ผิวพร้อมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวหนัง
  3. คนไข้ควรงดใช้เครื่องสำอางค์ที่ปกปิดหลุมสิวและรอยแผล เพราะอาจจะทำให้เกิดการอุดตันเพิ่มขึ้น แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องสำอางค์ควรเลือกเครื่องสำอางค์ที่ปกปิดแบบบางเบาเพื่อลดการอุดตันที่จะทำให้เกิดสิว
  4. คนไข้ที่กำลังรักษาหลุมสิว ควรปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

แนวทางในการรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิวที่ 44 คลินิก

          สำหรับแนวทางในการรักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็นจากสิวที่ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ 44Clinicแนะนำ จะสามารถทำได้ด้วยกันสองวิธี ซึ่งก็คือ การฉีดตัวยา Dermacare และการทำเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น IPL Laser หรือ Co² Fractional Laser แต่สำหรับการรักษา แพทย์จะต้องเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมของปัญหาที่คนไข้มีเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด และแก้ปัญหาได้อย่างครบและตรงจุดมากที่สุด

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว

          วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวและรอยแผลเป็น ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้สิวอักเสบรุนแรงขึ้น โดยมีปัจจัยหลายรูปแบบดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการแกะ บีบ หรือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวอักเสบเพราะจะทำให้บริเวณที่เป็นสิวเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทำให้การสมานแผลของร่างกายใช้เวลานานขึ้น เกิดพังผืดมากขึ้น และอาจจะทำให้เป็นหลุมสิวแบบถาวรได้
  2. หลีกเลี่ยงการแกะสะเก็ดแผลหลังจากทำการรักษาแล้ว เนื่องจากร่างกายเริ่มการสร้างสะเก็ดแผลขึ้นมาเพื่อทำการรักษาและสมานผิว หากคนไข้ทำการแกะอาจจะทำให้การรักษาใช้เวลานานขึ้น การสร้างพังผืดก็จะมากขึ้น และอาจจะทำให้เป็นหลุมสิวแบบถาวรได้
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นละออง ควันรถ เพราะในสภาพอากาศจะมีเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกปะปนอยู่ และทำให้ใบหน้าของเราเกิดการอุดตันที่รูขุมขนทำให้เกิดเป็นสิวอักเสบตามมา

สรุป

          ปัญหาในเรื่องของหลุมสิว เป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขได้ยากที่สุดหากกล่าวถึงเรื่องของปัญหาสิว ซึ่งแนวทางที่ใช้ในการรักษา สามารถทำได้ทั้งการฉีดตัวยา Dermacare และการทำ Laser หลุมสิว ขึ้นอยู่กับระดับความลึกและปริมาณของที่หลุมสิวที่คนไข้กำลังประสบปัญหานี้ แต่เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคนไข้ควรรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
error: Content is protected !!