
ควรเตรียมตัวอย่างไรในการทำ Thermage
ในการทำ Thermage ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี คนไข้จะต้องมีการเตรียมตัวที่ดี และมีการปฏิบัติตามขั้นตอนหลังจากการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา ดังนั้นในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดสำหรับการเตรียมตัวและดูแลตนเองในการทำ Thermage เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติตนของคนไข้ในการเข้ารับการรักษา

ขั้นตอนในการทำ Thermage
ในการทำ Thermage จะมีวิธีการดำเนินการเพียงไม่กี่ขั้นตอน ดังนี้
- ผู้ช่วยแพทย์จะเริ่มทำความสะอาดผิวก่อนเริ่มทายาชา
- ผู้ช่วยแพทย์จะทายาชาทั่วบริเวณที่จะรักษาด้วย Thermage เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บในการรักษา
- เมื่อรอยาชาออกฤทธิ์จนครบระยะเวลาแพทย์จะทำการทาเจลเย็นเพื่อช่วยบรรเทาความร้อนบนผิวในขณะที่ทำการรักษาด้วยเครื่อง Thermage
- แพทย์จะตั้งค่าเครื่อง Thermage และปรับจำนวน Shot ตามที่ประเมินไว้ก่อนการรักษา
- เมื่อเตรียมผิวและเครื่องเสร็จแล้ว แพทย์จะนำหัว Tip ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการรักษามาแนบชิดกับผิวและยิงกระตุ้นตาม Shot ที่ประเมินไว้
- หลังจากที่ทำการรักษาเสร็จแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการแนะนำถึงวิธีการดูแลตนเองหลังจากที่รับการรักษาด้วย Thermage

วิธีการดูแลตัวเองหลังจากทำ Thermage
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา แพทย์จะแนะนำให้คนไข้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- หลังจากที่ทำการรักษาด้วยเครื่อง Thermage อาจมีอาการแดงเกิดขึ้นได้ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1 – 2 ชั่วโมง
- คนไข้อาจรู้สึกแสบผิวหลังจากที่ทำดังนั้นผู้ช่วยแพทย์จะใช้น้ำแข็งประคบเพื่อเป็นการบรรเทาอาการแสบและอาจทาเจลที่มีส่วนผสมของ Aloe Vera เพื่อเป็นการปลอบประโลมผิว
- คนไข้ควรงดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือ สารสกัดจากกรดผลไม้ เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์
- คนไข้ควรงดการสครับผิวหลังจากที่ทำ Thermage เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- คนไข้ควรทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Moisturizer เพื่อช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นหลังจากที่ทำ Thermage
- คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับการเจอแสงแดดจัดเป็นเวลานาน และควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้งเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์
- คนไข้ควรงดการทำเลเซอร์ หรือ Treatment อื่น ๆ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากที่ทำ Thermage
- คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ทำให้ใบหน้ากลับมามีริ้วรอยและหย่อนคล้อยได้อีก
ข้อควรระวังในการทำ Thermage
“Thermage” เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เพียงแต่การทำ Thermage นั้นยังมีสิ่งที่ควรต้องระวังซึ่งก็คือการเข้ารับบริการกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานและดำเนินการโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญในการทำ เพราะบางคลินิกมีการนำเครื่อง Thermage ปลอมที่ไม่ได้คุณภาพมาใช้ และให้บุคคลที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้รักษา อาจส่งผลให้คนไข้เกิดอาการผิวไหม้จากพลังงานที่ไม่เสถียรจากเครื่องปลอม หรือผู้ดำเนินการรักษาใช้พลังงานในระดับที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นก่อนเข้ารับบริการคนไข้ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยของคนไข้ในการทำ Thermage

ผลข้างเคียงจากการทำ Thermage
การทำ Thermage เป็นหัตถการที่ไม่ได้มีอันตรายใดๆ เพียงแต่ด้วยความร้อนในขณะที่ทำนั้นอาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงที่ไม่ได้เป็นอันตรายขึ้นเล็กน้อย แต่อาการเหล่านั้นจะสามารถหายไปได้เองในไม่นาน ซึ่งอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น
- อาการผิวแดงหลังจากที่ทำ เนื่องจากความร้อนของ Thermage ซึ่งอาการแดงอาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับผิวหนังของแต่ละบุคคล แต่ความแดงจะสามารถหายไปเองได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทำ
- อาการแสบผิวหลังจากที่ทำ Thermage คนไข้อาจรู้สึกแสบผิวได้เล็กน้อย สามารถแจ้งผู้ช่วยแพทย์ได้ทันที เพื่อที่ผู้ช่วยแพทย์จะได้ทำการประคบเย็น และทา Cooling Gel เพื่อบรรเทาอาการลง ซึ่งอาการแสบจะหายไปภายในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง
- อาการผิวแห้ง หลังจากที่ทำ Thermage คนไข้อาจมีอาการผิวแห้งเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาการนี้ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด เพียงใช้แค่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Moisturizer หรือ เจล Aloe Vera ก็จะสามารถช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดอาการผิวแห้งลงได้ นอกจากนั้นคนไข้ควรงดการทำ Treatment, เลเซอร์ผิว, การขัดหรือสครับผิวและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA และกรดวิตามินต่าง ๆ เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์เพื่อป้องกันผิวบางจากการผลัดเซลล์ผิว

การทำ Thermage อันตรายไหม
การทำ Thermage เป็นหัตถการที่ปลอดภัย ด้วยกลไกการทำงานของเครื่อง ไม่ได้มีผลเสียหรืออันตรายใดๆต่อผิวแต่ในกรณีที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวได้นั้นเกิดขึ้นได้จากการใช้เครื่อง Thermage ปลอม หรือ ไม่ได้มาตรฐานดังนั้นก่อนเข้ารับบริการคนไข้จะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกที่เลือกเข้ารับบริการนั้นมีความปลอดภัยในการเข้ารับบริการ
สรุป
การทำ Thermage คนไข้จะต้องมีการเตรียมตัว ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและมีการดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด และสามารถแสดงผลของความเปลี่ยนแปลงได้อย่างยาวนาน นอกจากนั้นควรเลือกรับบริการกับคลินิกที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความปลอดภัยในการรักษาอย่างแน่นอน