หมวดหมู่: ข้อควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์

คนไข้สามารถศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับฟิลเลอร์ทั้งหมดได้จากหน้านี้ เพื่อเป็นข้อมูลที่ใช้ในการประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ารับบริการ

  • Yvoire Filler

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6011″ image_size=”original”]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

               ฟิลเลอร์เกาหลีเกรดพรีเมียม ตัวใหม่ล่าสุดได้รับการพัฒนาโดย บริษัท แอลจี เคม (LG Chem) บริษัทเคมีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลี ซึ่งได้ผ่านรับการรับรองมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (US FDA DMF & Europe EDQM2 Certified) มีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นก้อน เนื้อสัมผัสเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”center” text=”สารบัญ”]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]
    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”จุดเด่น” link=”section1″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    จุดเด่นของฟิลเลอร์ Yvoire

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    อีโวร์ฟิลเลอร์เป็นนวัตกรรม Hice Technology เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท แอลจี เคม (LG Chem) ที่มีความปลอดภัยสูง ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีแบบพิเศษ Hice Crosslink ทำให้ฟิลเลอร์ไม่สลายง่ายจึงทำให้อยู่ได้ยาวนาน ช่วยเพิ่มระยะเวลาในการยึดเกาะแนบแน่น มีผิวสัมผัสที่เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน ไม่เกิดการระคายเคืองกับผิวมนุษย์ เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ.2010 มีการซื้อมากกว่า 10 ล้านเข็มถึง 44 ประเทศทั่วโลก ทั้งประเทศในฝั่งยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อิตาลีและเป็นฟิลเลอร์อันดับ 1 ของประเทศเกาหลี

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ YVOIRE แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งในแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและตำแหน่งที่ฉีดแตกต่างกันออกไป ดังนี้

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6007″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    Yvoire Volume Plus

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    ผลิตจาก Hyaluronic Acid ด้วยเทคโนโลยี HICE ที่เป็นลิขสิทธ์เฉพาะของ LG Chem จากประเทศเกาหลี เป็นเนื้อฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ มีความคงตัวสูง ขึ้นรูปได้ดี ไม่ไหล ไม่ย้อย ได้รับการรับรองระดับมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ผ่านการรับรอง อย. และนำเข้าอย่างถูกต้อง ซึ่งตัวฟิลเลอร์มียาชาในตัว ทำให้คนไข้เจ็บน้อยลงระหว่างทำการรักษา สามารถนำมาปรับรูปหน้าในบริเวณขมับ ใต้ตา หน้าผาก คาง แก้มส้ม ริมฝีปาก และคงอยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6012″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    Yvoire Contour

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    ผลิตจาก Hyaluronic Acid ด้วยเทคโนโลยี HICE ที่เป็นลิขสิทธ์เฉพาะของ LG Chemจากประเทศเกาหลี ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัว ยืดหยุ่น ไม่ไหล ไม่ย้อย ได้รับการรับรองระดับมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ผ่านการรับรอง อย. และนำเข้าอย่างถูกต้อง ซึ่งตัวฟิลเลอร์มียาชาในตัว ทำให้คนไข้เจ็บน้อยลงระหว่างทำการรักษา สามารถนำมาปรับรูปหน้าในบริเวณคาง กรอบหน้า โหนกแก้ม ลิฟกรอบหน้า และคงอยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6015″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    Yvoire Classic Plus

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    ผลิตจาก Hyaluronic Acid ถูกสร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี 2 ชนิด คือ HESH & HICE ช่วยในการทรงตัวของกรด Hyaluronic ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่น บางเบา ซึ่งเป็นลิขสิทธ์เฉพาะของ LG Chemจากประเทศเกาหลี ได้รับการรับรองระดับมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ผ่านการรับรอง อย. และนำเข้าอย่างถูกต้อง ซึ่งตัวฟิลเลอร์มียาชาในตัว ทำให้คนไข้เจ็บน้อยลงระหว่างทำการรักษา สามารถนำมาปรับรูปหน้าในบริเวณริ้วรอย ล่องลึก และคงอยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ของแท้ดูยังไง” link=”section2″ bullet=”false”]

    ฟิลเลอร์ Yvoire ของแท้ดูยังไง

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับทางคลินิกในแต่ละที่ คนไข้ต้องศึกษาตัวผลิตภัณฑ์และดูว่าฟิลเลอร์ที่ทางคลินิกใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่ ดังนั้นคนไข้จึงมีความจำเป็นต้องรู้วิธีการเหล่านี้ในการสังเกต เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า Yvoire Filler ที่ทางคลินิกใช้เป็นของแท้อย่างแน่นอน  โดยมีวิธีการสังเกตได้ดังนี้

    1. กล่องผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์จะต้องมีการปิดผนึกรอบด้าน
    2. กล่องผลิตภัณฑ์จะต้องมีป้ายกำกับภาษาไทยไว้ที่ข้างกล่อง
    3. ภายในกล้องผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ จะต้องมีระบุวันที่ผลิต วันหมดอายุ รหัส และหมายเลขล็อตเพื่อสามารถตรวจสอบและเรียกคืนตัวผลิตภัณฑ์อยู่บนบริเวณกล่อง
    4. ตัวหลอกที่บรรจุภัณฑ์ฟิลเลอร์จะต้องมีระบุวันที่ผลิต วันหมดอายุ รหัส และหมายเลขล็อตที่ตรงกับข้างกล่องบรรจุภัณฑ์
    5. ภายในกล่องจะต้องมีเอกสารกำกับผลิตภัณฑ์ภาษาไทย

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ราคาเท่าไหร่” link=”section3″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Yvoire ราคาเท่าไหร่

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Yvoire ได้รับความนิยมในการนำมาเติมเต็มส่วนขาดหายไปในชั้นผิวได้ทุกส่วนตามที่คนไข้ต้องการ โดยที่เรทราคานั้นเป็นที่สามารถที่จับต้องได้ ราคาฟิลเลอร์ Yvoire จะเริ่มต้นอยู่ที่ CC ละประมาณ 8,000 บาท – 15,000 บาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้ และยังไม่รวมค่าบริการในการรักษาของคลินิกแต่ละที่ซึ่งแต่ละคลินิกจะมีราคาที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของคลินิกนั้นๆ แต่ถ้าหากมีราคาที่ถูกมากเกินไป อาจเสี่ยงพบว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นของปลอม หรือลอกเลียนแบบได้ คนไข้จึงควรศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนที่จะทำการรักษาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้และเพื่อผลการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5939″ image_size=”original” link=”https://44clinic.com/articles/”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ข้อห้าม” link=”section4″ bullet=”false”]

    ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Yvoire

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ข้อห้ามก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ Yvoire เพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา โดยผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้ เป็นกลุ่มคนที่ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์

    • ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อจากถุงน้ำ สิว ผื่น ลมพิษ ควรชะลอการฉีดเอาไว้จนกว่าอาการเหล่านี้จะดีขึ้น
    • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกมาก หรืออยู่ในช่วงรับประทานอาหารเสริม และยาประเภทแอสไพริน,วิตามินอี, เม็ดแปะก๊วย, น้ำมันปลา
    • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ข้อต่อ หรือเส้นเอ็น ที่ส่งผลกระทบกับมือ ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์บริเวณมือ
    • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารประกอบใดๆ ที่ใช้เป็นส่วนผสมในฟิลเลอร์ เช่น แพ้คอลลาเจน แพ้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แพ้แบคทีเรีย แพ้สารลิโดเคน ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ หรือควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนฉีด
    • สตรีมีครรภ์และสตรีที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
    • ผู้ที่มีอาการแพ้สารในกลุ่ม ไฮยารูลอนิก เอซิด หรือยาชาประเภท Lidocaine

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”มีผลข้างเคียงอย่างไร” link=”section5″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฉีดฟิลเลอร์ Yvoire มีผลข้างเคียงอย่างไร

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ Yvoire ไม่มีผลข้างเคียงอันตราย เนื่องจากเป็นสารไฮยาลูรอนที่สามารถสลายเองได้ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย แต่อาจจะมีอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้แต่ไม่ได้มีอันตรายใด เพียง 2 – 3 วัน อาการดังกล่าวก็จะสามารถหายไปได้เอง ไม่ต้องพักฟื้น เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องกลับมาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญติดตามผลตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดูผลลัพธ์และประเมินสิ่งที่ต้องทำการแก้ไขต่อไป แต่หากคนไข้มีอาการอื่นๆที่ผิดปกติไปจากรายการที่กล่าวไว้ข้างต้น คนไข้ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”สรุป” link=”section6″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    สรุป

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Yvoire เป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์เกรดพรีเมี่ยม นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากเกาหลี เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับนิยมมากในตอนนี้ เนื่องจากทางบริษัทผู้ผลิตได้มีการพัฒนาให้คุณภาพเทียบเท่าจากแบรนดังของฝั่งอเมริกา ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและออกฤทธิ์ได้ยาวนาน 8 – 12 เดือน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับบุคคลที่กำลังตัดสินใจที่จะฉีดฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]
    [row_inner]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row_inner]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • Neuramis Filler

    Neuramis Filler

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5991″ image_size=”original”]

    ในบทความนี้ เรามาทำความรู้จักกับหนึ่งในฟิลเลอร์ยอดนิยม ที่มีชื่อว่า Neuramis ซึ่งนิวรามิสเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ผลิตจากประเทศเกาหลี รุ่นที่ 44Clinic เลือกใช้นั้นคือ Neuramis Deep ซึ่งเป็นรุ่นเดียวที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย ได้มาตรฐานสากล ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่ามีความปลอดภัยแน่นอน 100%

              Neuramis Deep เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Medytox ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิต Botox ยี่ห้อ Neuronox ฟิลเลอร์ Neuramis Deep เป็นฟิลเลอร์แบบที่ไม่มียาชา ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาในประเทศไทยมาแล้ว อีกทั้งยังผ่านการรับรองจาก FDA องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
              Neuramis Deep เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ในการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป เช่น บริเวณร่องแก้ม ขมับ คาง เป็นต้น แต่ด้วยความที่รุ่นนี้เป็นแบบที่ไม่มียาชา จึงทำให้เวลาฉีดอาจจะเจ็บกว่ายี่ห้ออื่น ซึ่งตรงส่วนนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการทายาชาก่อนการเริ่มทำหัตถการ

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”จุดเด่น” link=”section1″ bullet=”false”]

    จุดเด่นของ Neuramis Deep

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    • ฟิลเลอร์ Neuramis Deep มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอน ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่ร่างกายผลิตได้
    • เป็น Monophasic Filler คือฟิลเลอร์ทำมาจากสารที่เป็นเนื้อเดียว เมื่อฉีดเข้าไปบนใบหน้าแล้วจะไม่จับตัวแข็ง ไม่เป็นก้อน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
    • ไฮยาลูรอน สามารถจับตัวได้ดีใต้ชั้นผิว ทำให้ฟิลเลอร์ไม่ไหลไปที่จุดอื่นๆที่ไม่ต้องการ
    • มีการรับรองความปลอดภัย การันตีระยะเวลาของการคงรูปของฟิลเลอร์ ว่าอยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
    • ฟิลเลอร์รุ่นนี้ ไม่อันตราย ไม่มีการตกค้าง สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ
    • ได้รับการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยจาก KFDA (Korea Food & Drug Administration) ของประเทศเกาหลี

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ของแท้ดูยังไง” link=”section2″ bullet=”false”]

    ฟิลเลอร์ Neuramis Deep ของแท้ดูยังไง

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับทางคลินิกในแต่ละที่ คนไข้ต้องศึกษาตัวผลิตภัณฑ์และดูว่าฟิลเลอร์ที่ทางคลินิกใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่ ดังนั้นคนไข้จึงมีความจำเป็นต้องรู้วิธีการเหล่านี้ในการสังเกต เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า Filler Neuramis Deep ที่ทางคลินิกใช้เป็นของแท้อย่างแน่นอน โดยมีวิธีการสังเกตได้ดังนี้

    • กล่องผลิตภัณฑ์จะต้องซีลมาอย่างดี ไม่มีรอยแกะ หรือร่องรอยการเปิดใช้
    • สังเกตบริเวณข้างกล่องจะต้องมีสติกเกอร์พร้อม Barcode ติดอยู่ด้วยทุกครั้ง
    • บริเวณตัวกล่องจะมี QR Code สำหรับใช้ตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีที่สำหรับขูด Scratch here เพื่อใช้สำหรับตรวจสอบมาตรฐานโดยตรง
    • บริเวณตัวกล่องจะมีข้อความภาษาไทยที่ระบุรุ่นการผลิตและวันหมดอายุเอาไว้อย่างชัดเจน โดยวันหมดอายุของผลิตภัณฑ์ในวันที่เปิดใช้ไม่ควรน้อยกว่า 1 ปี
    • คนไข้สามารถแจ้งกับทางคลินิกได้ ในการขอเช็คฟิลเลอร์ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้หรือไม่ก่อนที่จะเข้าทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความสบายใจของคนไข้และความปลอดภัยในการรักษา

    นอกจากจะรู้ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้หรือไม่ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือจะต้องทำกระทำการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายและปัญหาในภายหลัง ซึ่งทาง 44Clinic เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานคุณภาพ ดังนั้นคนไข้จึงมั่นใจได้เลยว่าฉีดฟิลเลอร์กับเราปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่พึงพอใจอย่างแน่นอน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ราคาเท่าไหร่” link=”section3″ bullet=”false”]

    ฟิลเลอร์ Neuramis Deep ราคาเท่าไหร่

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Neuramis Deep ได้รับความนิยมในการนำมาเติมเต็มส่วนขาดหายไปในชั้นผิวได้ทุกส่วนตามที่คนไข้ต้องการ โดยที่เรทราคานั้นเป็นที่สามารถที่จับต้องได้ ราคาฟิลเลอร์ Neuramis Deep จะอยู่ที่ CC ละประมาณ 6,999 – 9,999 บาท ซึ่งราคาจะยังไม่รวมค่าบริการในการรักษาของคลินิกแต่ละที่ซึ่งแต่ละคลินิกจะมีราคาที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของคลินิกนั้นๆ แต่ถ้าหากมีราคาที่ถูกมากเกินไป อาจเสี่ยงพบว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นของปลอม หรือลอกเลียนแบบได้ คนไข้จึงควรศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนที่จะทำการรักษาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้และเพื่อผลการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5939″ image_size=”original” link=”https://44clinic.com/articles/”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ข้อห้าม” link=”section4″ bullet=”false”]

    ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Neuramis Deep

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ข้อห้ามก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ Neuramis Deep เพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา โดยผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้ เป็นกลุ่มคนที่ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์

    • ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อจากถุงน้ำ สิว ผื่น ลมพิษ ควรชะลอการฉีดเอาไว้จนกว่าอาการเหล่านี้จะดีขึ้น
    • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกมาก หรืออยู่ในช่วงรับประทานอาหารเสริม และยาประเภทแอสไพริน,วิตามินอี, เม็ดแปะก๊วย, น้ำมันปลา
    • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ข้อต่อ หรือเส้นเอ็น ที่ส่งผลกระทบกับมือ ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์บริเวณมือ
    • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารประกอบใดๆ ที่ใช้เป็นส่วนผสมในฟิลเลอร์ เช่น แพ้คอลลาเจน แพ้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แพ้แบคทีเรีย แพ้สารลิโดเคน ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ หรือควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนฉีด
    • สตรีมีครรภ์และสตรีที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
    • ผู้ที่มีปัญหาทางจิต

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ผลข้างเคียง” link=”section5″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฉีดฟิลเลอร์ Neuramis Deep มีผลข้างเคียงอย่างไร

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ Neuramis Deep ไม่มีผลข้างเคียงอันตราย เนื่องจากเป็นสารไฮยาลูรอนที่สามารถสลายเองได้ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย แต่อาจจะมีอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้แต่ไม่ได้มีอันตรายใดๆ เพียง 2 – 3 วัน อาการดังกล่าวก็จะสามารถหายไปได้เอง ไม่ต้องพักฟื้น เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องกลับมาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญติดตามผลตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดูผลลัพธ์และประเมินสิ่งที่ต้องทำการแก้ไขต่อไป แต่หากคนไข้มีอาการอื่นๆที่ผิดปกติไปจากรายการที่กล่าวไว้ข้างต้น คนไข้ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”สรุป” link=”section6″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    สรุป

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Neuramis ฟิลเลอร์แบรนด์ดังจากเกาหลี ช่วยเติมเต็มบริเวณที่มีปัญหาบนใบหน้า เช่น ร่องแก้มที่ลึก ริ้วรอยใต้ดวงตา เพิ่มให้ริมฝีปากอวบอิ่ม เติมหน้าผากหรือขมับ โดยให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่จับตัวเป็นก้อน มีมาตรฐาน ได้คุณภาพ ปลอดภัย และราคาย่อมเยาว์ บุคคลทั่วไปสามารถจับต้องได้

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]
    [row_inner]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row_inner]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • Restylane Filler

    Restylane Filler

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5990″ image_size=”original”]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    ในบทความนี้ เรามาทำความรู้จักอีกหนึ่งในฟิลเลอร์ที่เป็นที่นิยม ในชื่อแบรนด์ Restylane ซึ่ง Restylane เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ผลิตจากประเทศสวีเดน โดย 44Clinic ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับฟิลเลอร์ แบรนด์ Restylane ไว้ให้คนไข้ได้ศึกษาก่อนตัดสินใจทำฟิลเลอร์

    Restylane เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน ผลิตโดยบริษัท Galderma บริษัทยายักษ์ใหญ่ ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์เป็นอย่างมาก ฟิลเลอร์ Restylane ได้รับการศึกษาและวิจัยอย่างละเอียด มีการยอมรับไปอย่างกว้างว่าถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษามายาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้ฟิลเลอร์ Restylane กันอย่างแพร่หลายกว่า 70 ประเทศทั่วโลก

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    [row_inner_2]

    [col_inner_2 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_2]
    [col_inner_2 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_2]

    [/row_inner_2]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”จุดเด่น” link=”section1″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    จุดเด่นของ ฟิลเลอร์ Restylane

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ปัจจุบันฟิลเลอร์ Restylane ได้มีเทคโนโลยีการผลิตถึง 2 แบบ ซึ่งก็คือ NASHA Technology และ OBT Technology ฟิลเลอร์ Restylane จึงมีคุณสมบัติที่หลากหลายในการนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของแต่ละบุคคล ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกรายละเอียดของฟิลเลอร์ Restylane แต่ละรุ่น เราจะขออธิบายให้คนไข้เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตทั้งสองแบบของ ฟิลเลอร์ Restylane ก่อนเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจ

    • NASHA Technology หรือ Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid technology เป็นเทคโนโลยีที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความปลอดภัย เนื่องจากไม่ใช่สารสกัดจากสัตว์จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ อีกทั้งยังมีความคงตัวสูงไม่ทำให้ฟิลเลอร์ไหลไปในทิศทางอื่นที่ไม่ต้องการ สามารถจัดทรงของฟิลเลอร์ได้อย่างสวยงามตามต้องการและมีความสามารถในกักเก็บน้ำสูงทำให้นอกจากจะปรับจุดแก้ไขจุดที่บกพร่องได้แล้วยังช่วยเพิ่มและรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้อีกด้วย
    • OBT Technology หรือ Optimal Balance Technology เป็นเทคโนโลยีที่เน้นไปในเรื่องของความยืดหยุ่น เพื่อให้ตอบโจทย์กับคนไข้ที่ต้องการให้ผลลัพธ์เวลาที่ขยับใบหน้าแสดงอารมณ์ หรือแสดงสีหน้า แล้วดูเป็นธรรมชาติ

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Restylane แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละรุ่นมีจุดเด่นดังนี้

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6013″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    Restylane Refyne

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    เป็นฟิลเลอร์ Restylane ในกลุ่ม OBT มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา มีความนิ่มและยืดหยุ่นที่สูง เหมาะสำหรับการแก้ไขบริเวณที่ผิวหนังบาง ๆ มีรอยยับเล็ก ๆ ที่ต้องการความละเอียด เช่น รอบดวงตา ทำให้ผิวดูอ่อนวัย ผลลัพธ์หลังการรักษาฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 – 18 เดือน

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6004″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    Restylane

    เป็นฟิลเลอร์ Restylane ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่ไม่มีส่วนผสมของยาชา เจลอนุภาคใหญ่ ออกแบบมาเพื่อให้มิติของใบหน้าที่ดี พร้อมทั้งมีแรงยกกระชับใบหน้า นิยมนำมาใช้ในการรักษาตำแหน่ง Midface เติมเต็มแก้มส้ม ร่องแก้ม ร่องพับมุมปาก ร่องพับคาง ผลลัพธ์หลังการรักษาฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 – 24 เดือน

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6010″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    Restylane Defyne

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    เป็นฟิลเลอร์ Restylane ในกลุ่ม OBT มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม มีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นที่สูง นำมาใช้ในการรักษาบริเวณ Midface หรือบางคนนำมาใช้ในการเติมเต็มแก้มส้ม ร่องน้ำหมาก ร่องพับคาง ผลลัพธ์หลังการรักษาฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 – 24 เดือน

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [ux_image id=”6008″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    Restylane Lyft

    เป็นฟิลเลอร์ Restylane ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี เป็นรุ่นของฟิลเลอร์เรสทิเลนที่มีแรงในการยกกระชับมากที่สุดที่มีใช้ในประเทศไทย นิยมนำมาเติมเต็มแก้ไขในจุดที่ต้องการแรงยกสูง เช่น บริเวณขมับ ตามตำแหน่งเส้นเอ็นต่าง ๆ ของใบหน้า คาง ร่องแก้ม เป็นต้น ผลลัพธ์หลังการรักษาฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 – 15 เดือน

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6006″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    Restylane Volyme

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    เป็นฟิลเลอร์ Restylane ในกลุ่ม OBT มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม มีความนิ่มปานกลาง และความยืดหยุ่นที่สูงมาก นิยมนำมาใช้ในการรักษาในตำแหน่งที่ต้องการการเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบ เช่น บริเวณแก้มตอบ ร่องแก้ม เป็นต้น ผลลัพธ์หลังการรักษาฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 – 15 เดือน

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5996″]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    Restylane Vital

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    เป็นฟิลเลอร์ Restylane ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี มีความเข้มข้นไฮยารูลอนิกแอซิด 12 มิลลิกรัม เท่านั้นซึ่งน้อยกว่าฟิลเลอร์ทุกรุ่นในกลุ่ม ฟิลเลอร์ Restylane โดยปกติการใช้ฟิลเลอร์รุ่น Vital Light นี้ในการแก้ไขปัญหาจะใช้แก้ไขบริเวณ หลุมสิว รอยคล้ำใต้ตา หรือบริเวณที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นหลัก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงปริมาตรมากจนเกินไป เช่น หลังฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ลำคอ และเนินอก ก็สามารถใช้ฟิลเลอร์รุ่นนี้ในการฉีดรักษาได้ ผลลัพธ์หลังการรักษาฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานช่วง 12 เดือน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5999″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    Restylane Skin Boosters Vital Light with Lidocane

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ช่วยฟื้นฟู บำรุงผิว เพิ่มความชุ่มชื้นเข้าใต้ชั้นผิว ลดพังผืดหรือเป็นแผลใต้ชั้นผิว ซึ่งมีส่วนผสมของยาชา ทำให้สามารถฉีดผิวได้โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บ และสามารถเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ของแท้ดูยังไง” link=”section2″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Restylane ของแท้ดูยังไง

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับทางคลินิกในแต่ละที่ คนไข้ต้องศึกษาตัวผลิตภัณฑ์และดูว่าฟิลเลอร์ที่ทางคลินิกใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่ ดังนั้นคนไข้จึงมีความจำเป็นต้องรู้วิธีการเหล่านี้ในการสังเกต เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า Filler Restylane ที่ทางคลินิกใช้เป็นของแท้อย่างแน่นอน โดยมีวิธีการสังเกตได้ดังนี้

    • กล่องผลิตภัณฑ์จะต้องซีลมาอย่างดี ไม่มีรอยแกะ หรือร่องรอยการเปิดใช้
    • มีรอยปรุสำหรับเปิดกล่อง
    • เอกสารกำกับยาข้างกล่องจะถูกติดไว้เป็นภาษาไทยเท่านั้น
    • สำหรับสติ้กเกอร์ Hologram จะมีติดอยู่ที่กล่องเป็นสีทอง เห็นเงาสะท้อนชื่อบริษัท Galderma
    • หากมีการใช้ชื่อว่า Skinbooster ที่ข้างกล่องจะเป็นของที่ต้องสงสัยทันที เนื่องจากชื่อนี้ไม่ได้รับยอมรับจากอย.ประเทศไทยให้ใช้ ดังนั้นหากที่ข้างกล่องมีชื่อ Skinbooster เขียนไว้ ให้สงสัยว่าจะเป็นฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์เถื่อนได้
    • เลข Lot ตรงกัน 2 จุด คือ 1. เลข Lot ที่ข้างกล่อง 2. เลข Lot ที่หลอด
    • คนไข้สามารถแจ้งกับทางคลินิกได้ ในการขอเช็คฟิลเลอร์ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้หรือไม่ก่อนที่จะเข้าทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความสบายใจของคนไข้และความปลอดภัยในการรักษา

    นอกจากจะรู้ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้หรือไม่ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือจะต้องทำกระทำการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายและปัญหาในภายหลัง ซึ่งทาง 44Clinic เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานคุณภาพ ดังนั้นคนไข้จึงมั่นใจได้เลยว่าฉีดฟิลเลอร์กับเราปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่พึงพอใจอย่างแน่นอน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”6018″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ราคาเท่าไหร่” link=”section3″ bullet=”false”]

    ฟิลเลอร์ Restylane ราคาเท่าไหร่

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Retylane ได้รับความนิยมในการนำมาเติมเต็มส่วนขาดหายไปในชั้นผิวได้ทุกส่วนตามที่คนไข้ต้องการ โดยที่เรทราคานั้นเป็นที่สามารถที่จับต้องได้ ราคาฟิลเลอร์ Restylane จะเริ่มต้นอยู่ที่ CC ละประมาณ 10,000 บาท – 18,000 บาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้ และยังไม่รวมค่าบริการในการรักษาของคลินิกแต่ละที่ซึ่งแต่ละคลินิกจะมีราคาที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของคลินิกนั้นๆ แต่ถ้าหากมีราคาที่ถูกมากเกินไป อาจเสี่ยงพบว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นของปลอม หรือลอกเลียนแบบได้ คนไข้จึงควรศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนที่จะทำการรักษาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้และเพื่อผลการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5939″ image_size=”original” link=”https://44clinic.com/articles/”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ข้อห้ามสำหรับผู้ฉีดฟิลเลอร์” link=”section4″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Restylane

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ข้อห้ามก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ Restylane เพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา โดยผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้ เป็นกลุ่มคนที่ไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์

    • ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อจากถุงน้ำ สิว ผื่น ลมพิษ ควรชะลอการฉีดเอาไว้จนกว่าอาการเหล่านี้จะดีขึ้น
    • ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกมาก หรืออยู่ในช่วงรับประทานอาหารเสริม และยาประเภทแอสไพริน,วิตามินอี, เม็ดแปะก๊วย, น้ำมันปลา
    • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ข้อต่อ หรือเส้นเอ็น ที่ส่งผลกระทบกับมือ ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์บริเวณมือ
    • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารประกอบใดๆ ที่ใช้เป็นส่วนผสมในฟิลเลอร์ เช่น แพ้คอลลาเจน แพ้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แพ้แบคทีเรีย แพ้สารลิโดเคน ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ หรือควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนฉีด
    • สตรีมีครรภ์และสตรีที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
    • ผู้ที่มีอาการแพ้สารในกลุ่ม ไฮยารูลอนิก เอซิด หรือยาชาประเภท Lidocaine

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”มีผลข้างเคียงอย่างไร” link=”section5″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฉีดฟิลเลอร์ Restylane มีผลข้างเคียงอย่างไร

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ Restylane ไม่มีผลข้างเคียงอันตราย เนื่องจากเป็นสารไฮยาลูรอนที่สามารถสลายเองได้ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย แต่อาจจะมีอาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้แต่ไม่ได้มีอันตรายใด เพียง 2 – 3 วัน อาการดังกล่าวก็จะสามารถหายไปได้เอง ไม่ต้องพักฟื้น เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องกลับมาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญติดตามผลตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อดูผลลัพธ์และประเมินสิ่งที่ต้องทำการแก้ไขต่อไป แต่หากคนไข้มีอาการอื่นๆที่ผิดปกติไปจากรายการที่กล่าวไว้ข้างต้น คนไข้ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”สรุป” link=”section6″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    สรุป

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Restylane แบรนด์ฟิลเลอร์ชั้นนำจากประเทศสเปน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี NASHA Technology และ OBT Technology มีความยืดหยุ่นและความคงตัว จึงเหมาะสำหรับการนำมาใช้ในเติมเต็มเป็นอย่างยิ่ง เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูชัดเจนและเป็นธรรมชาติ

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]
    [row_inner]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row_inner]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • Juvederm Filler

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5989″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

               ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อเมริกาที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ด้วยมาตรฐานที่มีคุณภาพสูง นำเข้ามาโดยบริษัท Allergan Thailand มีประสบการณ์ด้านการผลิตมากกว่า 36 ปี ฟิลเลอร์Juvederm มีเทคโนโลยี Hylacross ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี เน้นการพัฒนาฟิลเลอร์ให้เป็นเนื้อเจล จึงเป็นเหตุผลที่ 44Clinic เลือกใช้ฟิลเลอร์ Juvederm เพื่อให้คนไข้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]
    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [scroll_to title=”จุดเด่น” link=”section1″ bullet=”false”]

    จุดเด่นของฟิลเลอร์ Juvederm

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นในด้านความเรียบเนียน ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ LIDOCAINE ที่เป็นยาชาจึงช่วยลดความเจ็บและเพิ่มความผ่อนคลายขณะฉีด และยังได้พัฒนาเทคโนโลยี Vycross ทำให้สารเติมเต็ม สามารถยกกระชับได้ดี ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียน สวยแบบไร้ที่ติ นอกจากนี้ Filler Juvederm ยังมีกระบวนการผลิต 2 เทคโนโลยี คือ Hylacross และ Vycross Technology

    • Hylacross Technology คือเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของค่าความอุ้มน้ำได้ดี เป็นตัวดั้งเดิมของฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดแล้วฟู ตัว HA มีความยืนหยุ่นสูง สามารถทนต่อการขยับได้ดี เหมาะกับการฉีดบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม แก้ปัญหาแก้มตอบ โดยฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่อยู่กลุ่ม Hylacross ได้แก่รุ่น Ultra Plus
    • Vycross Technology คือเทคโนโลยีล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นให้มีคุณสมบัติในการยกกระชับได้ดี มีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น และมีอัตราการบวมน้ำหรืออุ้มน้ำน้อย เมื่อเทียบกับ HA อื่น จึงช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีด เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานครับ เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเติมความอวบอิ่มของริมฝีปากหรือฉีดเพื่อเติมเต็มร่องแก้มซึ่ง Juvederm กลุ่ม Vycross ได้แก่รุ่น Volite, Voluma, Volift, Volbella และ Volux

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ของ Juvederm มีทั้งหมด มี 6 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและการนำไปใช้เติมเต็มผิวหน้าที่แตกต่างกัน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5852″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    Juvederm Voluma

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์เสมือนเป็นการเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ขาดหายไปบนผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณร่องแก้ม ขมับ แก้ไขปัญหาหน้าตอบ ปรับแต่งรูปหน้าได้ตามต้องการในทุกๆ ส่วนเนื่องจากเนื้อฟิลเลอร์มีปริมาณของ HA ที่เหมาะสม เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียน ทำให้เมื่อฉีดลงบนใบหน้า สามารถเติมเต็ม Volume ได้อย่างสม่ำเสมอ ดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 1 – 2 ปี

    • ยกกระชับใบหน้าได้ดีที่สุด อยู่ได้นานที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ
    • เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่น คงตัว เรียบเนียน ไม่ไหล
    • ปั้นง่าย ปรับรูปหน้าได้สวย ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
    • เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเยอะๆ และต้องการปรับรูปหน้า
    • อยู่ได้นานถึง 2 ปี คุ้มค่า ไม่ต้องฉีดบ่อย
    • ไม่บวม ไม่ช้ำ และเห็นผลทันทีหลังฉีด

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5851″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    Juvederm Volift

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    เป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของ HA หรือ Hya สูงถึง 17.5mg% ซึ่งฟิลเลอร์ชนิดนี้เหมาะสำหรับฉีดบริเวณร่องแก้ม ร่องมุมปาก หน้าผาก ขมับ ด้วยเนื้อฟิลที่เลอร์มีความนิ่มปานกลาง เรียบเนียน ไม่ไหล คงตัวผสานกับเนื้อเยื่อได้ดี ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 18 – 24 เดือน

    • เนื้อฟิลเลอร์นิ่มปานกลาง เรียบเนียน ไม่ไหล
    • มีความคงตัวสูงคงและมีคุณสมบัติช่วยยกกระชับใบหน้า
    • เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึกต่างๆ รวมไปถึงการฉีดปากเพื่อให้ได้รูปปากที่สวยตามต้องการ
    • ไม่บวม ไม่ช้ำ และเห็นผลทันทีหลังฉีด

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5850″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    Juvederm Volbella

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อฟิลเลอร์นิ่มพิเศษ โดยมีความเข้มข้นของ HA หรือ Hyaluronic Acid สูงถึง 15mg% ให้ความเรียบเนียน เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับการฉีดที่บริเวณใต้เบ้าตา ทั้งตาบนและตาล่าง เพื่อแก้ปัญหาร่องน้ำตาลึก รวมถึงตาที่โหลลึก ซึ่งจะช่วยให้ใต้ตาดูเป็นธรรมชาติ ดูเต็มมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน

    • เนื้อฟิลเลอร์นิ่มที่สุด ให้ความเรียบเนียน แม้ฉีดตื้น
    • เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณผิวหนังบาง ๆ เช่น ใต้ตา
    • ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่บวมไม่ซ้ำ และเห็นผลทันทีหลังฉีด

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5849″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    Juvederm Volite

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติ HA ที่อ่อนนุ่มที่สุด เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ เรียบเนียน เกลี่ยง่าย และด้วยความละเอียดของสาร ทำให้ Volite แทบไม่มีผลกระทบต่อผิวบริเวณที่ฉีด และหลังจากการฉีด ผิวจะค่อยๆรู้สึกเรียบเนียน สว่างสดใสขึ้น ด้วยคุณสมบัติการลดริ้วรอยและช่วยให้ผิวอิ่มฟูขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว รักษาความชุ่มชื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยทำหน้าที่เป็นที่กักเก็บน้ำให้แก่ผิว บางคนอาจใช้คำว่า Skin Booster ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี อ่อนนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวดูฉ่ำวาว ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน

    • เนื้อฟิลเลอร์บางเบา สามารถฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ (Dermis)
    • ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น อิ่มฟู ฉ่ำวาวยืดหยุ่น ดูสุภาพดี
    • ปรับสภาพผิวหมองคล้ำให้สดใสขึ้นช่วยลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนเล็กลง
    • เห็นผลทันทีหลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5848″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    Juvederm VOLUX

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกกระชับและปรับใบหน้าส่วนล่างโดยเฉพาะ เป็นฟิลเลอร์ผิวหนังที่มีความหนาแน่นของโมเลกุลสูง ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้การยกกระชับและการปรับโครงหน้านั้นสมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุนี้ VOLUX จึงเป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นมาเพื่อเสริมสร้างโครงหน้าและเสริมบริเวณคาง นอกจากนี้ยังทำให้การยกกระชับ ใบหน้าและปั้นโครงกราม (Jawline) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังสามารถใช้ร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์ไปที่ใบหน้าส่วนล่างหรือคอแบบที่ไม่ต้องผ่าตัดได้อีกด้วย

    • เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุล มีความหนาแน่นสูง เนื้อแข็ง ทำให้สามารถปั้นขึ้นรูปได้ดี
    • เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็ง จึงทำให้มีความคงตัว และ เคลื่อนที่ได้ยาก
    • ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 24 เดือน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5847″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    Juvederm Ultraplus XC

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์รุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มฟิลเลอร์ Hylacross เนื่องจากความเข้มข้นของไฮยารูลอนิกเอซิดที่สูงแล้ว ยังมีแรงยกของตัวยาที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นรุ่นที่มีลักษณะเนื้อนิ่มและฟูมาก ทำให้เต็มสวย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกต่างๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย ต้องการปรับรูปหน้า นิยมใช้เติมร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ขมับ โดยหลังการฉีดฟิลเลอร์ รุ่น Ultra Plus XC นี้สามารถอยู่ในชั้นใต้ผิวเราได้นาน 12 เดือนเลยทีเดียว

    • เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่น คงตัว เรียบเนียน ไม่ไหล
    • เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้า ให้สวย และดูเป็นธรรมชาติ
    • ใช้ฉีดในบริเวณที่ต้องการความฟูมากๆ หรือบริเวณที่หายไปค่อนข้างเยอะ เช่น ขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ของแท้ดูยังไง” link=”section2″ bullet=”false”]

    ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ดูยังไง

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับทางคลินิกในแต่ละที่ คนไข้ต้องศึกษาตัวผลิตภัณฑ์และดูว่าฟิลเลอร์ที่ทางคลินิกใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่ คนไข้จึงจำเป็นต้องรู้วิธีการเหล่านี้ในการสังเกตเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟิลเลอร์ Juvedermที่ทางคลินิกใช้เป็นของแท้อย่างแน่นอน โดยมีวิธีการสังเกตดังนี้

    1. สังเกตดูที่ฉลากกำกับยาจะต้องเป็นเอกสารกำกับยาที่ข้างกล่องเป็นภาษาไทย
    2. เลข Lot ที่เห็นบนตัวสินค้า คนไข้สามารถนำไปตรวจสอบกับบริษัทที่นำเข้าได้ เพื่อเช็คให้ชัวร์เป็นของแท้ 100%
    3. กล่องที่ใช้งานในการฉีดจะต้องเป็นกล่องใหม่ ไม่ใช่กล่องที่ผ่านการแกะมาแล้ว หากเป็นในลักษณะดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมได้
    4. Juvederm Voluma จะมีเลข Serial Number ที่สามารถนำไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นของแท้ได้
    5. ในกล่องฟิลเลอร์ที่เปิดออกมาแล้ว จะมีฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ทั้งหมด 2 CC ซึ่งบรรจุอยู่ใน Syringe 2 อัน
    6. ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่หมดอายุภายใน 1 ปี นับจากวันที่แกะกล่องครั้งแรก คนไข้สามารถแจ้งกับทางคลินิกได้ในการขอเช็คฟิลเลอร์เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้หรือไม่ ก่อนที่จะเข้าทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความสบายใจของคนไข้และความปลอดภัยในการรักษา

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5846″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [scroll_to title=”ราคาเท่าไหร่” link=”section3″ bullet=”false”]

    ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ใช้เพื่อเติมเต็มเนื้อเยื่อในส่วนที่ขาดหายไปบนใบหน้านั้น ถือว่ามีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่น เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานมาจากอเมริกา ได้รับการรับรองจากหลากหลายสถาบันทั่วโลก เป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยกับผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตที่ทันสมัย มีจุดเด่นในเรื่องของการยกกระชับหน้า ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีบริษัทที่ดูแลหลังการขายทั่วโลก ราคาของฟิลเลอร์แต่ละรุ่นของJuvedermจะแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับปริมาณ CC ที่ใช้ฉีด รวมไปถึงโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก ซึ่งโดยปกติแล้วฟิลเลอร์ Juvederm ราคาจะอยู่ที่ CC ละ 10,000 บาทเป็นต้นไปจนถึงราคา CC ละ 20,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคามาตรฐาน หากคนไข้พบราคาของฟิลเลอร์ Juvederm ที่ถูกมากเกินไป ก็อาจเสี่ยงเจอกับฟิลเลอร์ Juvederm ที่เป็นของปลอมหรือของลอกเลียนแบบได้ ดังนั้นคนไข้ควรศึกษารายละเอียดก่อนฉีดอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานของคลินิกที่เลือกใช้บริการ แพทย์ที่ดูแลเคส รุ่นของฟิลเลอร์Juvederm สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้คนไข้เกิดความสบายใจ ปลอดภัย และได้ฉีดฟิลเลอร์ของแท้ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง 44Clinic นั้นมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานคุณภาพ คนไข้จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าการฉีดฟิลเลอร์กับเรานั้นปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่พึงพอใจอย่างแน่นอน

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5605″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ข้อห้าม” link=”section4″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    • ผู้ที่มีประวัติแพ้สารฟิลเลอร์ แพ้ไฮยาลูรอนิค หรือส่วนประกอบสำคัญในฟิลเลอร์ เช่น แพ้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แพ้คอลลาเจน ฯลฯ
    • ผู้ที่อยู่ในช่วงรับประทานยาหรือวิตามิน ประเภทแอสไพริน, วิตามินอี, ใบแปะก๊วย ที่มีคุณสมบัติทำให้เลือดออกปริมาณมาก
    • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
    • ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
    • ผู้ที่ผิวหนังมีอาการอักเสบหรือการติดเชื้อ ควรรักษาให้หายดีก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์
    • ผู้ที่มีโอกาสหรือประวัติการเกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย

    สำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน ควรเว้นระยะก่อนการฉีดฟิลเลอร์ครั้งต่อไปอย่างน้อย 6 เดือน ทางที่ดีคนไข้ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการรักษาด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนของการรักษา ระยะเวลาของผลลัพธ์ที่คงสภาพ รวมไปถึงข้อจำกัด และข้อควรปฏิบัติต่างๆ จะทำให้คนไข้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการฉีดฟิลเลอร์มากยิ่งขึ้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”มีผลข้างเคียงไหม” link=”section5″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm มีผลข้างเคียงหรือไม่

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    เนื่องจาก Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ นำเข้าจากอเมริกา ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA องค์การอาหารและยาของอเมริกา และอย. ในประเทศไทย เมื่อฉีดแล้วจึงไม่เกิดผลข้างเคียงอันตรายกับตัวคนไข้ แต่ถ้าใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดโดยผู้ที่ขาดความชำนาญ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางประการได้ เช่น อาการบวม ช้ำ รอยแดง รอยเขียว หากฉีดผิดตำแหน่งก็อาจจะทำให้ฟิลเลอร์ไปอยู่ในบริเวณที่ไม่ต้องการ ทำให้ไม่เกิดผลลัพธ์อย่างที่คนไข้ต้องการ

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”สรุป” link=”section6″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    สรุป

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์แบรนด์ชั้นนำจากอเมริกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีความอุ้มน้ำสูง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วทำให้บริเวณที่ถูกเติมเต็มนั้นดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีอายุการออกฤทธิ์ยาวนานมากกว่าแบรนด์อื่น และให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูสวย เนียน อย่างเป็นธรรมชาติ

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]
    [row_inner]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row_inner]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • ฟิลเลอร์แก้มตอบ

    ฟิลเลอร์แก้มตอบ

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5835″ image_size=”original”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์แก้มตอบคืออะไร” tag_name=”h1″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    หลายคนอาจกำลังพบกับปัญหาที่ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน เพราะ “แก้มตอบ” “โหนกสูง” ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย โหนกแก้มสูง ใบหน้ามีเค้าโครงที่ไม่ชัดเจน โค้งเว้าไม่เท่ากันดังนั้นในบทความนี้จะมาแนะนำให้คนไข้ได้รู้จักกับอีกหนึ่งในวิธีที่เป็นที่นิยมที่สุดในการใช้แก้ไขปัญหาแก้มตอบ ซึ่งได้แก่การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มแก้มตอบ

    ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มประเภท ไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เมื่อนำมาฉีดเข้าที่บริเวณแก้มตอบ จะช่วยเติมเต็มผิวบริเวณที่ฉีดให้ดูตื้นขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟู โหนกแก้มที่สูงจะถูกอำพรางทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสารไฮยาลูรอนิคแอซิตชนิดนี้ เป็นสารชนิดเดียวกับสารที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาเองได้ ตามธรรมชาติจึงสามารถสลายตัวไปได้เองไม่ทำให้เกิดการตกค้าง ดังนั้นจะไม่เป็นอันตรายใดๆต่อร่างกาย ทำให้ใบหน้าสวยขึ้นได้อย่างปลอดภัยและดูเป็นธรรมชาติ

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”bold-center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]
    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″ padding=”0px 0px 0px 0px”]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” margin=”0px 0px 0px 0px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover_alt=”zoom” link=”Tel:0894394444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ช่วยเรื่องอะไร” link=”#section1″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์แก้มตอบช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์แก้มตอบ สามารถช่วยเติมเต็มให้กับบุคคลที่มีแก้มตอบ ยุบเป็นแอ่งลึก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส ดูแก่กว่าวัย  ดังนั้นเมื่อฉีดเข้าไปเติมเต็มจะช่วยให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น เพิ่มความสดใส ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ห้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจนทันทีหลังทำเป็นการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาการศัลยกรรม ไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากมีความบริสุทธิ์และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”เหมาะกับใคร” link=”#section2″ bullet=”false”]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5854″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์แก้มตอบเหมาะกับใคร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบจากพันธุกรรม คือมีบริเวณโหนกแก้มที่สูงเห็นได้ชัด เมื่อเติมฟิลเลอร์เข้าไปจะทำให้บริเวณโหนกแก้มดูลดลงและทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการขาดสารอาหาร ระบบเผาผลาญลดน้อยลง สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ หรือแม้กระทั้งอาจจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณแก้มยุบตัวลง ทำให้เกิดเป็นปัญหาโดยที่คนไข้ไม่รู้ตัว การเติมฟิลเลอร์แก้มตอบจะทำให้ใบหน้าดูไม่ซูบและไม่ผอมจนเกินไป
    • เหมาะสำหรับผู้ที่อายุเพิ่มมากขึ้น เพราะอายุที่มากขึ้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไขมันบริเวณแก้มเกิดการหดตัว จึงทำให้เกิดปัญหาแก้มตอบ ดูโทรม ไม่สดใส การเติมฟิลเลอร์แก้มตอบจึงเหมาะสำหรับคนที่ประสบกับปัญหาเหล่านี้
    • เหมาะสำหรับผู้ที่เคยจัดฟันมา เพราะการจัดฟันอาจจะทำให้โครงกระดูกใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะบริเวณแนวกราม หลังจากที่กระดูกโครงหน้าและกระดูกฟันเข้าที่แล้ว จะส่งผลให้ใบหน้ามีการหดตัวตามขากรรไกรที่บีบเข้าจากการจัดฟันจึงทำให้บริเวณแก้มเกิดเป็นร่องลึก

    [gap height=”80px”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”อันตรายไหม” link=”#section3″ bullet=”false”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์แก้มตอบอันตรายไหม” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบไม่เป็นอันตรายเพราะเนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกาย เมื่อนำเข้าไปฉีดจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ชนิดของฟิลเลอร์ ต้องเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. และต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเท่านั้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.215)” bg_radius=”25″]

    [scroll_to title=”ข้อดี” link=”#section4″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ” tag_name=”h2″ color=”rgb(13, 109, 36)”]

    [ux_text text_color=”rgb(0,0,0)”]

      1. สามารถแก้ปัญหาการมีแก้มตอบได้อย่างตรงจุด
      2. ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน เห็นความแตกต่างได้ทันทีหลังทำ
      3. มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง
      4. เป็นการแก้ปัญหาโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม ไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน

    [/ux_text]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.215)” bg_radius=”25″]

    [scroll_to title=”ข้อเสีย” link=”#section5″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ” tag_name=”h2″ color=”rgb(255, 1, 1)”]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_text text_color=”rgb(0,0,0)”]

      1. อาจมีจุดจ้ำเลือด รอยเขียวช้ำ หรือรอยแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด แต่จะสามารถหายไปได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์
      2. ในบางรายอาจะมีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีด แต่จะยุบลงเมื่อผ่านไป 2 – 4 สัปดาห์
      3. เนื่องจากสามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ จึงมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์ที่ไม่ถาวร

    [/ux_text]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”บวมกี่วัน” link=”#section6″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบบวมกี่วัน” tag_name=”h2″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    บางรายอาจมีอาการบวมตึง มีรอยแดงเล็กๆจากเข็มประมาณ 1 – 2 วัน และจะหายไปเองประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ หลังการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบหรือในบางรายอาจไม่พบอาการบวมเลย ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด บริเวณขมับที่เป็นร่องหรือเป็นหลุม จะดูตื้นขึ้นและใบหน้าจะดูมีสัดส่วน เรียวสวยขึ้น แต่จะเห็นผล 100% ในระยะเวลาหลังฉีดไปแล้วประมาณ 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์ ฟิลเลอร์จะยึดตัวและคงตัว

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]
    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span=”4″ span__sm=”12″ padding=”0px 0px 0px 0px”]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” margin=”0px 0px 0px 0px” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner_1]
    [col_inner_1 span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover_alt=”zoom” link=”Tel:0894394444″ target=”_blank”]

    [/col_inner_1]
    [col_inner_1 span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [scroll_to title=”นานแค่ไหน” link=”#section7″ bullet=”false”]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์แก้มตอบอยู่ได้นานแค่ไหน” tag_name=”h2″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์เป็นสารไฮยาลูรอนิคเอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และในร่างกายมีเอนไซม์ที่สามารถสลายออกเองได้ โดยทั่วไปแล้วสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน ซึ่งระยะเวลาในการที่ร่างกายจะสลายฟิลเลอร์นั้น จะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีด ยกเว้นฟิลเลอร์บางตัวอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ หรือระยะเวลาอาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่สำคัญคือคนไข้ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และดื่มน้ำให้มากๆเพื่อรักษาความสมดุลของน้ำและน้ำมันในชั้นผิวเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานขึ้น

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5960″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ยี่ห้อไหนดี” link=”#section8″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบยี่ห้อไหนดี” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    • Juvederm Volift เป็นเนื้อเจลที่มีความเข้มข้นสูง มีความนิ่มระดับปานกลาง เรียบเนียน ไม่ไหล เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณแก้มตอบ
    • Juvederm Voluma เป็นเนื้อเจลที่มีลักษณะแข็งและฟูระดับปานกลาง มีโมเลกุลใหญ่ มีความหนาแน่นและคงตัวได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดเติมบริเวณแก้มตอบ เมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้ผิวเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
    • Restylane Volyme เป็นเนื้อเจลออกแบบมาเติมชั้นผิว บริเวณใบหน้าอิ่มฟู เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ เหมาะที่จะฉีดบริเวณขมับ แก้มตอบ หน้าผากได้ดี ไม่เป็นคลื่น กระจายตัวได้ดีมาก
    • Yvoire Volume Plus เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุขนาดใหญ่ มีความคงตัวสูง ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มในชั้นลึก ขมับ ใต้ตา หน้าผาก แก้มตอบ คาง แก้มส้ม และริมฝีปาก

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ย้อปฏิบัติ” link=”#section9″ bullet=”false”]

    [section label=”Simple Center” bg_color=”rgb(245, 245, 245)” padding=”60px” height=”300px”]

    [row_inner h_align=”center”]

    [col_inner span=”10″ span__sm=”12″ align=”center”]

    ข้อปฎิบัติหลังฉีดแก้มตอบ

    คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้ในบทความนี้

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [button text=”คลิกที่นี่” color=”secondary” style=”shade” size=”large” radius=”99″ depth=”5″ depth_hover=”5″ expand=”true” link=”https://44clinic.com/aftercare/”]

    [/section]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”สรุป” link=”#section10″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”สรุป” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ จะทำให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม หน้าไม่โทรม ใบหน้าดูสดใส เป็นการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดที่ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว และเห็นความเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ โดยแพทย์จะเป็นคนประเมินคนไข้ว่าเหมาะสมกับการฉีดฟิลเลอร์หรือไม่ หรือแม้กระทั่งว่าควรใช้ฟิลเลอร์ “ยี่ห้อไหน/รุ่นไหน” แต่ทั้งนี้คนไข้ควรศึกษาหาข้อมูลก่อนทำการฉีดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยค่ะ

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]
    [row_inner]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row_inner]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • ข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์

    ข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์

    [ux_image id=”5853″ image_size=”original”]

    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [title style=”bold-center” text=”ข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์” tag_name=”h1″ size=”150″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

                   สวัสดีค่ะ ในบทความนี้ 44Clinic จะมาแนะนำถึงการดูแลตัวเองและข้อควรปฏิบัติที่ถูกต้องหลังการฉีดฟิลเลอร์ที่ใครหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ต้องทราบก่อนว่าการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงใช้เวลาไม่นานขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน โดยแพทย์จะใช้เวลาในการฉีดฟิลเลอร์อยู่ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์เสร็จเป็นที่เรียบร้อย คนไข้จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในบริเวณที่ฉีดทันที แต่หลังจากคนไข้ฉีดไปแล้ว 4 – 5 วัน จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ 100% โดยฟิลเลอร์จะมีอายุอยู่ได้ 1 – 2 ปี และจะค่อยๆสลายเองไปตามธรรมชาติ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะหายบวม เข้าที่ดูเป็นธรรมชาติ และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ 44Clinic จึงรวบรวมการดูแลตัวเองและข้อปฏิบัติต่างๆมาให้ทุกท่านดังนี้

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [title style=”bold” text=”วิธีการดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์” tag_name=”h2″ size=”120″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    1.งดนอนราบหลังการฉีดฟิลเลอร์

    งดนอนราบในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังทำ ควรนอนยกหัวให้สูงกว่าระดับหน้าอก โดยการหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ และไม่ควรนอนตะแคง ควรหาหมอนข้างมากันไว้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา เพื่อป้องกันการกดทับบนใบหน้าเพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูปได้

    2. ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน

    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วในช่วง 48 ชั่วโมงแรก แพทย์จะแนะนำให้คนไข้หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงและกิจกรรมที่กระตุ้นทำให้ใบหน้าแดง เช่น การเข้าห้องซาวน่าหรือการแช่ออนเซ็น การตากแดด การออกกำลังกายหนักๆ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายอย่างที่เข้าใจผิดกัน แต่ความร้อนจะทำให้ผิวยืดหดมากกว่าปกติ ส่งผลต่อการเซตตัวของฟิลเลอร์ หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วผิวอาจจะมีความเซนซิทีฟมากกว่าปกติ การโดนความร้อนอาจทำให้เกิดรอยแดง การระคายเคืองและผื่นขึ้นจากรอยเข็มที่ยังเปิดอยู่

    3.ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์

    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไป สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือห้ามกด นวด รวมถึงการสัมผัสแรงๆในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเคลื่อนที่ไปจากบริเวณที่ฉีดได้และในบางเคส แพทย์ใช้การฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกหน้า การนวดจึงทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้ ทั้งนี้หากหลังฉีดฟิลเลอร์คนไข้มีอาการคันหรือระคายเคือง ห้ามเกาโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบของผิวได้ หากอาการคันไม่หายไปภายใน 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อความปลอดภัย

    4.ควรหลีกเลี่ยงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะแนะนำให้งดการดื่มแอลกอลฮอล์ ของมึนเมา เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีด อาจจะทำให้เลือดออกในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ การสูบบุหรี่หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น สูบบุหรี่หลังจากฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก อาจจะทำให้รูปปากที่แพทย์ได้ทำการฉีดปากผิดรูปได้ เพราะฉะนั้นแนะนำให้งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อยประมาณ 2 – 3 วัน

    5. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด

    กลุ่มยาที่จะมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาแก้อักเสบบางชนิด เป็นยาที่ควรหลีกเลี่ยงทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดลงไปในผิวหนังชั้นลึก ถ้าเกิดโดนเส้นเลือดขณะฉีดอาจทำให้เลือดหยุดไหลได้ช้า ทำให้ช้ำง่ายกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย และไม่เสี่ยงช้ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวอย่างน้อย 1 สัปดาห์

    6.ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของกรดผลไม้

    ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามิน เช่น กิงโกะ น้ำมันพริมโรส กระเทียม โสมและวิตามินอี ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าสารเหล่านั้นจะทำปฎิกิริยาหรือส่งผลร้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่สารเหล่านั้นจะทำให้คนไข้เสี่ยงกับภาวะช้ำได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA หรือ Retinoids ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวและบริเวณที่ฉีดสารฟิลเลอร์ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงก่อนชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของคนไข้

    7.ควรหลีกเลี่ยงการแว็กซ์ขน ถอนขน ย้อมสีขน หรือใช้ครีมกำจัดขน

    หลังจากการฉีดฟิลเลอร์แล้วผิวหนังบริเวณที่ฉีดอาจมีความบางลงชั่วคราว ประมาณ 2 – 3 วัน ซึ่งหากในระหว่างนี้ มีการกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ เช่น การแว็กซ์ขน ถอนขน ใช้ครีมกำจัดขน หรือทำการย้อมสีเส้นขน ก็อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้ที่ผิวหนัง ดังนั้นคนไข้จึงควรหลีกเลี่ยงไปก่อนจะดีที่สุด

    8. ควรดื่มน้ำมากๆ

    ฟิลเลอร์ คือ สารไฮยารูลอนิค เอซิด ซึ่งมีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำได้ดี หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วในช่วง 4 – 5 วันแรก แพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและคงทน เพราะการดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารอุ้มน้ำ มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูฟูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ

    การฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานที่สุด 2 ปีและจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากหากคนไข้ดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของคนไข้ได้หากทำข้อปฏิบัตินี้ได้ โดยเฉพาะการดื่มน้ำ การไม่ออกแดดหรือทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำจำนวนมากๆได้ ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี สวย ดูเป็นธรรมชาติ และหากมีอาการบวมแดง นานเกิน 3 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษา

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]
    [row_inner]

    [col span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    [ux_text line_height=”2.25″]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/ux_text]

    [/col]

    [/row_inner]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • ฟิลเลอร์หน้าผาก

    ฟิลเลอร์หน้าผาก

    [ux_image id=”5869″ image_size=”original”]

    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์หน้าผาก” tag_name=”h1″]

    [ux_text text_color=”rgb(0,0,0)”]

    การเสริมหน้าผาก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้า เสริมให้ใบหน้าดูมีมิติ นอกจากนั้นในยุคปัจจุบัน ในทางของคนที่ทำธุรกิจ หรือค้าขายยังมีความเชื่อว่าการทำหน้าผากนั้นจะช่วยเสริมโหงวเฮ้งให้กับคนที่ทำอีกด้วย ซึ่งฟิลเลอร์ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ เนื่องจากสามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ซึ่งในบทความนี้ 44Clinic จะรวบรวมความรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากทั้งหมดไว้เพื่อให้คนไข้ได้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดประกอบกับการตัดสินใจ

    [/ux_text]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคืออะไร” link=”#section1″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก คืออะไร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การเสริมหน้าผากด้วยการ ฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มที่เรียกว่า ไฮยารูลอนิก เอซิด ( Hyaluronic Acid / HA Filler ) เข้าไปที่บริเวณหน้าผาก ในชั้นของเยื่อหุ้มกระดูก เพื่อปรับแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ของหน้าผาก เช่น ริ้วรอย รอยบุ๋ม ร่องลึก หน้าผากแคบ โหนกนูนไม่เท่ากัน เป็นต้น การฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้จึงช่วยทำให้หน้าผากดูโดดเด่นเป็นสง่า รับกับใบหน้า ดูนูนและได้รูปทรงอย่างเป็นธรรมชาติ

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” link=”#section2″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์หน้าผากช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยในเรื่องของการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน มีมิติมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาหน้าผากแบน ยุบและเป็นแอ่ง เสริมให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

    • ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากแบน เกิดจากโครงสร้างของกระดูกที่ไม่มีความโค้งมน หรือการยุบตัวของกระดูก ซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูไม่มีมิติ และขาดความสมดุลของใบหน้า
    • ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากแคบ เมื่ออายุมากขึ้น หน้าผากของเราก็จะเล็กลงเพราะกระดูกกะโหลกและชั้นผิวนั้นจะบางลงเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งบางคนเมื่อผิวบางก็จะเห็นริ้วรอยที่เป็นเส้นๆบนหน้าผากชัดเจนมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วนตามธรรมชาติ
    • ช่วยแก้ปัญหาหน้าผากยุบ เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันและกระดูกบริเวณหน้าผากหายไป จะส่งผลให้หน้าผากยุบลงกลายเป็นแอ่งเหนือคิ้ว ทำให้โหนกคิ้วเด่น ดูแก่กว่าวัย ซึ่งถ้าผู้หญิงมีหน้าผากและโหนกคิ้วที่เหมือนผู้ชาย จะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่อ่อนหวาน
    • ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยย่นบริเวณหน้าผาก เป็นริ้วรอยบนใบหน้าที่ปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด แม้ไม่ได้ขยับเขยื้อนใบหน้าก็ยังสามารถมองเห็นริ้วรอย รอยย่นบริเวณหน้าผาก สาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้กระบวนการการทำงานของเซลล์เริ่มช้าลง และเสื่อมลงตามวัย รวมไปถึงโครงสร้างของผิวเริ่มอ่อนแอ นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิต ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก รอยย่นบนหน้าผาก ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นจุดที่เห็นเด่นชัดที่สุดบนใบหน้า

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5870″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [scroll_to title=”เหมาะกับใคร” link=”#section3″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะกับใคร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากยุบ มีรอยบุ๋มเป็นแอ่ง หน้าผากแคบไม่เข้ากับสัดส่วนอื่นบนใบหน้า
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าผากแบนไม่มีมิติ ใบหน้าดูมีอายุ
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนของหน้าผากที่สมส่วนอยู่แล้ว แต่ต้องการให้ดูมีมิติสวยงามมากยิ่งขึ้น
    • ผู้ที่มีความเชื่อและต้องการจะเสริมโหงวเฮ้ง โดยไม่ต้องใช้วิธีผ่าตัดศัลยกรรม

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”อันตรายไหม” link=”#section4″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์หน้าผากอันตรายไหม” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่เป็นอันตรายแต่ต้องอาศัยการเตรียมตัวและความชำนาญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณหน้าผากจะมีความเสี่ยงและอันตรายมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆ เนื่องจากตำแหน่งนี้เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดเชื่อมโยงไปยังจุดสำคัญอยู่มาก จึงจำเป็นต้องเลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐาน จะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีตกค้าง เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เนื่องจากการฉีด  ฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากจะได้ใช้เทคนิคที่เฉพาะตัวและถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดหลังจากการฉีด รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ข้อดี ข้อเสีย” link=”#section5″ bullet=”false”]

    [row_inner]

    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″ padding=”0px 0px 23px 0px” bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.215)” bg_radius=”25″]

    [title style=”bold-center” text=”ข้อดีของการทำฟิลเลอร์หน้าผาก”]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    • หลังฉีดหน้าผากจะคงที่ เห็นรูปทรงชัดเจน ไม่ยุบลง
      สวยเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา
    • สามารถปรับแก้ไขและเพิ่มเติมได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด
    • ไม่เสียเวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีหลังทำ
    • ใช้เวลาน้อย เห็นผลได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัด
    • ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เอง 100% หากไม่ต้องการฉีดเพิ่มหน้าผากก็จะกลับไปเป็นรูปเดิม
    • หากเกิดข้อผิดพลาดจากการฉีดฟิลเลอร์ เช่น เป็นคลื่น หรือ เติมมากเกินไป สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.215)” bg_radius=”25″]

    [title style=”bold-center” text=”ข้อเสียของการทำฟิลเลอร์หน้าผาก”]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสามารถสลายไปเองได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากสาร ไฮยารูลอนิก เอซิดที่ฉีดเข้าไป จึงจะมีฤทธิ์การคงอยู่ที่ไม่ถาวร
    • การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปจำนวนมากถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
    • ต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะต้องฉีดเข้าไปที่ชั้นเยื้อหุ้มกระดูก ดังนั้นแพทย์จะต้องมีการใช้เทคนิคที่ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการฉีดที่จะส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจึงควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนดำเนินการจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”บวมกี่วัน” link=”#section6″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากบวมกี่วัน” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ในบางรายอาจมีอาการบวมตึง มีรอยแดงเล็กๆจากเข็ม ประมาณ 1 – 2 วัน และจะหายไปเองประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ การฉีดฟิลเลอร์ที่หน้าผากโดยปกติแล้วจะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที หน้าผากจะดูโค้งนูนได้รูปขึ้น บริเวณที่แบน หรือบุ๋มก็จะถูกเติมเต็มอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าจะได้สัดส่วนและดูมีมิติขึ้นทันที หากดูผลลัพธ์ที่ได้แล้วยังไม่พอใจ คนไข้สามารถเข้าไปให้แพทย์เติมได้ทันที ควรจะดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นรักษาระดับความสมดุลของน้ำและน้ำมันในชั้นผิว ป้องกันปัญหาผิวแก่กว่าวัยและช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”อยู่ได้นานแค่ไหน” link=”#section7″ bullet=”false”]

    [title text=”ฟิลเลอร์หน้าผากอยู่ได้นานแค่ไหน” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์เป็นสารไฮยาลูรอนิคเอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติและในร่างกายมีเอนไซม์ที่สามารถสลายออกเองได้ ระยะเวลาในการที่ร่างกายจะสลายฟิลเลอร์นั้น จะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีด แต่โดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน ยกเว้นฟิลเลอร์บางตัวอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น เช่นปีครึ่งถึงสองปีได้ ซึ่งขึ้นกับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี” link=”#section8″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    • Juvederm Volbella เป็นเนื้อเจลที่มีโมเลกุลขนาดเล็กที่มีความละเอียดมากที่สุด  เรียบเนียนเหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก
    • Juvederm Voluma เป็นเนื้อเจลที่มีลักษณะแข็งและฟูระดับปานกลาง มีโมเลกุลใหญ่ มีความหนาแน่นและคงตัวได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดเติมบริเวณหน้าผาก เมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้ผิวเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
    • Restylane Vital เป็นเนื้อเจลที่มีความชุ่มชื้น แก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกได้เป็นอย่างดีเหมาะจะเติมเต็มบริเวณหน้าผาก เพื่อเพิ่มความฉ่ำวาวของผิว เหมาะสำหรับฉีดหน้าผาก
    • Restylane Volyme เป็นเนื้อเจลออกแบบมาเติมชั้นผิว บริเวณใบหน้าอิ่มฟู เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ เหมาะที่จะฉีดบริเวณขมับ หน้าผากได้ดี ไม่เป็นคลื่น กระจายตัวได้ดีมาก
    • Yvoire Volume Plus เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุขนาดใหญ่ มีความคงตัวสูง ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มในชั้นลึกบริเวณหน้าผาก

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ย้อปฏิบัติ” link=”#section9″ bullet=”false”]

    [section label=”Simple Center” bg_color=”rgb(245, 245, 245)” padding=”60px” height=”300px”]

    [row h_align=”center”]

    [col span=”10″ span__sm=”12″ align=”center”]

    ข้อปฎิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

    คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้ในบทความนี้

    [button text=”คลิกที่นี่” style=”shade” size=”large” radius=”99″ depth=”5″ depth_hover=”5″ expand=”true” link=”https://44clinic.com/aftercare/”]

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”สรุป” link=”#section10″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”สรุป” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก สามารถปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างง่าย โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม อีกทั้งยังสามารถปรับรูปทรงให้ได้ตามแบบที่คนไข้ต้องการ เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการมีหน้าผากโค้งนูนได้รูป แต่ไม่อยากเจ็บตัวหรือพักฟื้นเป็นระยะเวลานาน ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากควรทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและเลือกใช้คลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • ฟิลเลอร์ขมับ

    ฟิลเลอร์ขมับ

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [section]

    [ux_image id=”5976″ image_size=”original”]

    [/section]
    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์ขมับ” tag_name=”h1″]

             “ขมับ” อีกหนึ่งบริเวณที่สำคัญที่มีผลกับการมีใบหน้าที่ได้รูป เพราะเนื่องจากขมับมีความลึกจะส่งผลให้โหนกแก้มดูชัด ใบหน้าดูแข็งจนเกินไป นอกจากนั้นหลายคนยังนิยมฉีดฟิลเลอร์ขมับเพื่อปรับโหงวเฮ้งของใบหน้า เนื่องจากเชื่อว่าการมีโหงวเฮ้งใบหน้าที่ดีจะส่งเสริมให้ธุรกิจ กิจการ หน้าที่การงานที่ทำเจริญรุ่งเรืองไปในทางที่ดี ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นทางเลือกในการนำมาใช้เติมเต็มบริเวณขมับ
    ในบทความนี้ 44Clinic จึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาไว้ในคนไข้ได้ทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ขมับ

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [section]

    [row_inner v_align=”middle” h_align=”center”]

    [col_inner span=”3″ span__sm=”6″ align=”center”]

    [ux_image id=”5534″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”3″ span__sm=”6″ align=”center”]

    [ux_image id=”5537″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/44clinic” target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”3″ span__sm=”6″ align=”center”]

    [ux_image id=”5536″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”Tel:0894394444″ target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”3″ span__sm=”6″]

    [ux_image id=”5535″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.instagram.com/44clinic/” target=”_blank”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/section]
    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์ขมับช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” link=”#section1″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์ขมับช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นการแก้ไขปัญหาใบหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน ดูโทรม โหงวเฮ้งบนใบหน้าไม่ดีเนื่องจากการมีร่องขมับที่ลึก ดังนั้นการเติมเต็มฟิลเลอร์ หรือ สารประเภท HA (Hyarulonic Acid)  จึงเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด ในคนไข้ที่มีบริเวณช่วงโหนกแก้มสูง หรือชัด การฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะช่วยเติมเต็มให้ขมับดูเต็ม ทำให้ช่วงบริเวณโหนกแก้มนั้นดูเด่นชัดน้อยลง ทำให้ใบหน้าดูหวานและได้รูปมากยิ่งขึ้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5867″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์ขมับเหมาะกับใคร” link=”#section2″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์ขมับเหมาะกับใคร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีขมับลึก โหนกแก้มเด่นชัด เมื่อฉีดฟิลเลอร์ขมับแล้วจะทำให้ใบหน้าได้รูปมากขึ้น
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ทำการเสริมหน้าผากมา การเติมฟิลเลอร์ขมับเข้าไปจะส่งผลให้ใบหน้ามีเค้าโครงที่สมส่วนมากขึ้น
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อให้หุ่นกระชับ แต่ในขณะเดียวกันใบหน้ากลับซูบผอมทำให้ดูโทรม การฉีดฟิลเลอร์ขมับจึงเป็นการเติมเต็มให้ใบหน้าดูอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”อันตรายไหม” link=”#section3″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์ขมับอันตรายไหม” tag_name=”h2″]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นอีกหนึ่งจุดที่จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีความชำนาญให้การฉีดกระทำการเท่านั้น เนื่องจากเป็นจุดที่มีความอันตรายมาก เพราะเป็นบริเวณที่เส้นเลือดเชื่อมกับระบบประสาทดวงตา แต่หากแพทย์ที่ทำการรักษามีความชำนาญใช้เทคนิคที่ถูกต้องและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปลอดภัยได้มาตรฐาน ก็ไม่ทำให้เกิดอันตรายแน่นอน

    [/col]

    [/row]
    [ux_image id=”5868″ image_size=”original”]

    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.215)” bg_radius=”25″]

    [scroll_to title=”ข้อดี” link=”#section4″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ” tag_name=”h2″]

    [row_inner width=”full-width” v_align=”middle” h_align=”center”]

    [col_inner span__sm=”12″ align=”left”]

    [ux_text text_color=”rgb(0,0,0)”]

    การมีขมับที่มีร่องยุบ เป็นแอ่ง และมีโหนกแก้มดูเด่นชัด ทำให้ใบหน้าดูเป็นทรงสี่เหลี่ยม ไม่เรียวกระชับ ดูแข็ง และแก่กว่าวัย ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มขมับจะเป็นปรับรูปหน้าให้ดูมีสัดส่วน ลดความเด่นของโหนกแก้มลง ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวกระชับ อ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้นเป็นเวลานาน

    [/ux_text]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ข้อเสีย” link=”#section5″ bullet=”false”]

    [row width=”custom” v_align=”middle” h_align=”center”]

    [col span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.215)” bg_radius=”25″]

    [title style=”bold” text=”ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ divider=”true”]

    [ux_text text_color=”rgb(0,0,0)”]

    บริเวณขมับเป็นจุดรวมเส้นประสาท ดังนั้นหลังการฉีดฟิลเลอร์ขมับอาจมีความเป็นไปได้ที่จะมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่อาการดังกล่าวก็จะสามารถหายไปได้เองภายในเวลา 1 – 2 วัน นอกจากนั้นการฉีดฟิลเลอร์ขมับอาจมีข้อเสีย หากดำเนินการโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ เพราะแพทย์อาจใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้องในการฉีดซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาด และอันตรายเนื่องจากบริเวณขมับมีเส้นประสาทมากมายรวมอยู่ หรืออาจส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจึงควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนดำเนินการจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด ซึ่ง 44Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลทุกเคสอย่างใกล้ชิด คนไข้จึงมั่นใจได้เลยว่าเลือกฉีดฟิลเลอร์กับเราจะไม่ผิดหวังและไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน

    [/ux_text]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [section]

    [ux_image id=”5605″ image_size=”original”]

    [/section]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ขมับบวมกี่วัน” link=”#section6″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์ขมับบวมกี่วัน” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    หลังฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับในบางรายอาจมีอาการบวมตึง มีรอยแดงเล็กๆจากเข็ม ประมาณ 1 – 2 วัน และจะหายไปเองประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ การฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับโดยปกติแล้วฟิลเลอร์จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที บริเวณขมับที่เป็นร่องหรือเป็นหลุม จะดูตื้นขึ้นและใบหน้าจะดูมีสัดส่วน เรียวสวยขึ้น แต่จะเห็นผล 100% หลังฉีดประมาณ 4 – 5 วัน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”อยู่ได้นานแค่ไหน” link=”#section7″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์ขมับอยู่ได้นานแค่ไหน” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์เป็นสารไฮยาลูรอนิค เอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และในร่างกายมีเอนไซม์ที่สามารถสลายออกเองได้ โดยทั่วไปแล้วสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน ซึ่งระยะเวลาในการที่ร่างกายจะสลายฟิลเลอร์นั้น จะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีด ยกเว้นฟิลเลอร์บางตัวอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น เช่น ปีครึ่งถึงสองปีได้ ซึ่งขึ้นกับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ หรือระยะเวลาอาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่สำคัญคือคนไข้ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และดื่มน้ำให้มากๆเพื่อรักษาความสมดุลของน้ำและน้ำมันในชั้นผิวเพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์คงอยู่ได้นานขึ้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [section]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5962″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/section]
    [scroll_to title=”ยี่ห้อไหนดี” link=”#section8″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์ขมับยี่ห้อไหนดี” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_text text_color=”rgb(0,0,0)”]

    สำหรับการเติมเต็มขมับ ควรเลือกฟิลเลอร์ชนิดที่เหมาะสม และคุณภาพได้มาตรฐานที่สุด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี 44Clinic จึงได้คัดสรรฟิลเลอร์ที่เป็นที่นิยมและดีที่สุดสำหรับการฉีดขมับ มาไว้เพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจ

    • Juvederm Voluma ฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อแข็งและฟูปานกลาง มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นและเรียบเนียน จึงเหมาะกับการเติมขมับ
    • Restylane Lyft เป็นฟิลเลอร์ในกลุ่ม NASHA เทคโนโลยี เป็นรุ่นที่มีแรงในการยกกระชับมากที่สุด นิยมนำมาแก้ไขในจุดที่ต้องการแรงยกสูง เช่น บริเวณขมับ หรือตามตำแหน่งเส้นเอ็นต่างๆบนใบหน้า
    • Neuramis Deep ฟิลเลอร์ตัวนี้เนื้อสัมผัสค่อนข้างเฟิร์ม เติมวอลลุ่มได้ดี ฟิลเลอร์ตัวนี้ไม่ฟูมาก ราคาย่อมเยาว์
    • Yvoire Volume Plus เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุขนาดใหญ่ มีความคงตัวสูง ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มในชั้นลึกบริเวณขมับ

    [/ux_text]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [scroll_to title=”ข้อปฏิบัติ” link=”#section9″ bullet=”false”]

    [section label=”Simple Center” bg_color=”rgb(245, 245, 245)” padding=”60px” height=”300px”]

    [row h_align=”center”]

    [col span=”10″ span__sm=”12″ align=”center”]

    ข้อปฎิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

    คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้ในบทความนี้

    [button text=”คลิกที่นี่” style=”shade” radius=”99″ depth=”5″ depth_hover=”5″ expand=”true” link=”https://44clinic.com/aftercare/”]

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”สรุป” link=”#section10″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”สรุป” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ขมับ นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าที่ไม่ได้สัดส่วน โหนกแก้มชัด ยังสามารถช่วยปรับและเสริมโหงวเฮ้งให้กับแต่ละบุคคลได้อีกด้วย แต่เนื่องจากบริเวณขมับเป็นส่วนที่ค่อนข้างจะเสี่ยงอันตรายสำหรับการทำหัตถการ ดังนั้นคนไข้จึงควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานพร้อมทีมแพทย์มืออาชีพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและปลอดภัยแน่นอน 100%

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]
    [row_inner]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner_1]

    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col_inner]

    [/row_inner_1]

    [/col]

    [/row_inner]

    [/row]

  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

    ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5865″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [title style=”bold-center” text=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร” tag_name=”h1″]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม คือ รอยพับลึก จากด้านใดด้านหนึ่งของจมูกไปทางมุมปาก เรียกอีกอย่างว่า “ร่องข้างแก้ม” เป็นจุดที่บ่งบอกถึงอายุได้อย่างชัดเจน มักจะเห็นได้ชัดในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย ซึ่งทางออกของปัญหาคือการเติมฟิลเลอร์ในบริเวณร่องแก้ม เพื่อเพิ่มปริมาณของผิวให้ดูเรียบเนียน เต่งตึงไร้ริ้วรอย และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ดูสดใส

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”bold-center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [section]

    [row]

    [col span=”3″ span__sm=”6″]

    [ux_image id=”5534″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”3″ span__sm=”6″]

    [ux_image id=”5537″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/44clinic” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”3″ span__sm=”6″]

    [ux_image id=”5536″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”Tel:0894394444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”3″ span__sm=”6″]

    [ux_image id=”5535″ image_size=”original” width=”75″ image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.instagram.com/44clinic/” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ปัญหาร่องแก้มเกิดจากอะไร” link=”#section1″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ปัญหาร่องแก้มเกิดจากอะไร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    สาเหตุของการเกิดร่องแก้ม อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

    • ผิวหนังที่หย่อนคล้อยและการสลายตัวของไขมันบนใบหน้า พอมีการหย่อนตัวลงจะทำให้มองเห็นเป็นก้อนๆ เหนือเส้นร่องแก้ม
    • เกิดจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตาและร่องแก้ม ทำให้ก้อนที่อยู่เหนือเส้นร่องแก้มดูชัด ดูลึกขึ้น มักพบในคนที่อายุ 30 ปีขึ้นไป
    • การยิ้มบ่อยๆก็ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดร่องแก้ม เพราะเวลายิ้มกล้ามเนื้อจะดึงร่องแก้มให้แข็งแรงเกินไป
    • เมื่อมีอายุเริ่มเข้าสู่ช่วง 30 ขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวมีประสิทธิภาพลดลง ทำให้ผิวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ไม่กระชับ เริ่มมีริ้วรอย เนื้อและไขมันบริเวณใต้ตามีความหย่อนคล้อยลงมาเหนือร่องแก้ม ส่งผลให้ร่องแก้มลึกขึ้น ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส ดูมีอายุมากขึ้น
    • ส่วนปัญหาที่พบจากคนที่อายุยังน้อย คือร่องแก้มเกิดขึ้นเนื่องจาก “การจัดฟัน” เพราะลักษณะกระดูกโครงหน้าบริเวณรอบปากจะเกิดความเปลี่ยนแปลง ลักษณะของกระดูกจะงุ้มเข้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาร่องแก้มได้ถึงแม้จะอายุไม่เยอะ แต่สามารถพบได้ในบางคนเท่านั้น ขึ้นอยู่กับโครงหน้าของแต่ละคน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” link=”#section2″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นการแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึกได้อย่างปลอดภัยและตรงจุด โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม สามารถช่วยเติมเต็มร่องแก้มได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งหากใช้เทคนิคการไล่ฉีดจากมุมปากยังสามารถยกมุมปากให้สูงขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟู คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนทันทีหลังจากที่ฉีดเสร็จ

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5866″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มเหมาะกับใคร” link=”#section3″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มเหมาะกับใคร” tag_name=”h2″]

    • ผู้ที่ร่องแก้มลึก ที่มีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
    • ผู้ที่รูปร่างผอม ซึ่งจะมีริ้วรอยบริเวณร่องแก้มที่เด่นชัด
    • ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ ร่องแก้มชัด ทำให้ดูแก่กว่าวัย

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม” link=”#section4″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มให้ไม่เป็นอันตรายต้องอาศัยการเตรียมตัวก่อนฉีดที่ดี แล้วยังต้องเลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐาน จะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เรื่องฟิลเลอร์และสามารถบอกถึงปัญหาบนใบหน้าคนไข้แต่ละบุคคลได้ชัดเจน สามารถช่วยแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างดี รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มตามคำแนะนำแพทย์จะทำให้การเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มออกมา สวยอย่างเป็นธรรมชาติ

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [section]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ข้อดี-ข้อเสีย” link=”#section5″ bullet=”false”]

    [row_inner]

    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″ padding=”0px 0px 31px 0px” bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.221)” bg_radius=”50″]

    [title style=”bold-center” text=”ข้อดีของฟิลเลอร์ร่องแก้ม”]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    • การเติมหรือฉีดฟิลเลอร์ Filler ที่ร่องแก้มเป็นวิธีแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด เห็นผลชัดเจนกว่าการร้อยไหม
    • เห็นผลทันทีหลังฉีด และเห็นผล 100% หลังฉีดประมาณ 4 – 5 วัน
    • หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่เห็นรอยเขียวช้ำ ไม่มีอาการบวม ช้ำ

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”6″ span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.221)” bg_radius=”50″]

    [title style=”bold-center” text=”ข้อเสียของฟิลเลอร์ร่องแก้ม”]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอาจมีข้อเสีย หากดำเนินการโดยแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ เพราะแพทย์อาจใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้องในการฉีดซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาด ส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจึงควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนดำเนินการจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด ซึ่ง 44Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลทุกเคสอย่างใกล้ชิด คนไข้จึงมั่นใจได้เลยว่าเลือกฉีดฟิลเลอร์กับเราจะไม่ผิดหวังและไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมกี่วัน” link=”#section6″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มบวมกี่วัน” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ในบางรายอาจมีอาการบวมตึง มีรอยแดงเล็กๆ จากเข็ม ประมาณ 1 – 2 วัน และจะหายไปเองประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ การฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มโดยปกติแล้วฟิลเลอร์จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ริ้วรอยร่องลึกจะตื้นขึ้น ผิวจะอวบอิ่มและเต่งตึงขึ้น จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน 100% หลังฉีดประมาณ 4 – 5 วัน โดยทั่วไปแล้วสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid จะอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 ปี แต่หากอยู่ในสภาวะที่ต้องเจอความร้อนสูงอย่างการเข้าซาวน่าเป็นประจำ จะทำให้อายุของสารเติมเต็มน้อย หากผลลัพธ์ที่ได้แล้วยังไม่พอใจ คนไข้สามารถเข้าไปให้แพทย์เติมได้ทันที แนะนำควรจะดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นรักษาระดับความสมดุลของน้ำและน้ำมันในชั้นผิว ป้องกันปัญหาผิวแก่กว่าวัยและช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน” link=”#section7″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์เป็นสารไฮยาลูรอนิค เอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ และในร่างกายมีเอนไซม์ที่สามารถสลายออกเองได้ ระยะเวลาในการที่ร่างกายจะสลายฟิลเลอร์นั้น จะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีด แต่โดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 12 เดือน ยกเว้นฟิลเลอร์บางตัวอาจจะอยู่ได้นานกว่านั้น เช่น ปีครึ่งถึงสองปีได้ ซึ่งขึ้นกับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5605″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี” link=”#section8″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    สำหรับการเติมเต็มร่องแก้ม ตัวที่ให้ผลการรักษาที่ดี กรณีที่ร่องแก้มตื้นๆ หรือร่องแก้มที่เกิดจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้มที่แข็งแรง หรือจากกรณีที่มีความหย่อนคล้อย ได้แก่

    • Juvederm Ultra Plus เนื้อฟิลเลอร์ตัวนี้จะมีความฟู เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยเพราะมีค่าการอุ้มน้ำสูง เนื้อเนียนไม่เป็นก้อน และโดยภาพรวมจะใช้ปริมาณ cc น้อยกว่าตัวอื่นเล็กน้อย
    • Juvederm Volift ฟิลเลอร์ตัวนี้ใช้เทคโนโลยีที่ใหม่กว่าคือ Vycross ให้ความรู้สึกเนียนนุ่ม ไม่เป็นก้อนเช่นเดียวกับ Ultra Plus แต่ตัวนี้จะฟูน้อยกว่า แต่ช่วยยกร่องแก้มให้เต็มขึ้น
    • Restylane Refyne ฟิลเลอร์ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี OBT ให้เนื้อสัมผัสนุ่มเนียน แต่ไม่ฟูมากนัก ตัวนี้สามารถใช้ได้คล้ายๆ Volift แต่อาจจะช่วยยกได้น้อยกว่าจึงเหมาะสำหรับคนไข้ที่มีร่องแก้มตื้นๆ
    • Restylane Defyne ฟิลเลอร์ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี OBT เนื้อสัมผัสเฟิร์มแต่สมูธ ช่วยยกผิวได้ดี เหมาะกับคนไข้ที่มีร่องแก้มลึกปานกลาง หรือผิวค่อนข้างบาง
    • Restylane Lyft Lidocaine ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็น NASHA Gel เนื้อสัมผัสเฟิร์ม ยกผิวได้ดีที่สุด เหมาะกับคนไข้ที่มีร่องแก้มลึก
    • Neuramis Deep ฟิลเลอร์ตัวนี้เนื้อสัมผัสค่อนข้างเฟิร์ม เติมวอลลุ่มได้ดี ราคาย่อมเยาว์
    • Yvoire Volume Plus เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุขนาดใหญ่ มีความคงตัวสูง ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มในชั้นลึกบริเวณร่องแก้มและร่องน้ำหมาก

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [scroll_to title=”ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์” link=”#section9″ bullet=”false”]

    [section label=”Simple Center” bg_color=”rgb(245, 245, 245)” padding=”60px” height=”300px”]

    [row h_align=”center”]

    [col span=”10″ span__sm=”12″ align=”center”]

    ข้อปฎิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

    คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้ในบทความนี้

    [button text=”คลิกที่นี่” style=”shade” radius=”99″ depth=”5″ depth_hover=”5″ expand=”true” link=”https://44clinic.com/aftercare/”]

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”สรุป” link=”#section10″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”สรุป” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับการมีร่องแก้มที่ลึก สาเหตุของการมีใบหน้าที่ดูแก่กว่าวัย การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้นเป็นวิธีที่ปลอดภัย รวดเร็วและเห็นผลชัดเจนที่สุดโดยที่คนไข้จะไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้นหรือเจ็บตัวจากการผ่าตัดศัลยกรรมใดๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหานี้ที่สุด

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col]

    [/row]
    [section]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]

  • ฟิลเลอร์คาง

    ฟิลเลอร์คาง

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [section]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5956″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/section]
    [title style=”bold-center” text=”ฟิลเลอร์คางคืออะไร” tag_name=”h1″]

    ปัจจุบันการปรับโครงสร้างของใบหน้าให้มีรูปหน้าสมส่วน ใบหน้าเรียวเป็นวีเชฟ ดูเข้ารูป คางจึงเป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญของใบหน้า คางที่ดีควรมีลักษณะที่ได้รูปทรง ต้องรับกับหน้าผาก จมูกและกรอบหน้า ซึ่งอัตราส่วนแต่ละส่วนของใบหน้าต้องมีอัตราส่วนที่เท่ากันก็จะทำให้ใบหน้าดูสมส่วน ได้รูปหน้าที่สวยงาม ดังนั้นการออกแบบคางจึงต้องคำนึงถึงองค์ประกอบของหน้าในทุกส่วนให้มีความเท่ากัน

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

              ฟิลเลอร์คาง คือ การเติมสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) เข้าไปบริเวณคางเพื่อปรับแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางเบี้ยว ใบหน้าดูกลม การฉีดฟิลเลอร์คางเข้าไปจึงทำให้ใบหน้าสวย เป็นธรรมชาติและได้สัดส่วนมากขึ้น ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะได้ผลลัพธ์ดีไม่แพ้การผ่าตัดเสริมคาง เป็นหัตถการที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์คางสลายหมดคือ 1 – 2 ปี (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์) สลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง สามารถเติมเพิ่มได้เรื่อยๆ โดยไม่ทำให้คางผิดรูป แต่ต้องเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น

    [gap height=”80px”]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″ padding=”25px 50px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light” text_depth=”5″]

    [title style=”bold-center” text=”สารบัญ” tag_name=”h2″]

    [row_inner_1]

    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]
    [col_inner_1 span=”6″ span__sm=”12″]

    [/col_inner_1]

    [/row_inner_1]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [row_inner]

    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” link=”tel:0894394444″ target=”_blank”]

    [/col_inner]
    [col_inner span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์คางช่วยแก้ไขอะไร” link=”#section1″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์คางช่วยแก้ไขเรื่องอะไร” tag_name=”h2″]

    1. ปัญหาคางสั้น เกิดจากโครงสร้างกระดูกกรามหรือขากรรไกรที่สั้น หรืออาจจะถูกถ่ายทอดมาจากพันธุกรรม ส่งผลให้ลักษณะปลายคางสั้นมากจนมองไม่เห็นรูปคาง ดูไม่มีมิติ ทำให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วน ฟิลเลอร์คางจึงเข้าไปแก้ไขทำให้ได้รูปคางที่เรียวยาว ดูสวย มีมิติ
    2. ปัญหาคางตัด จะมีลักษณะบริเวณปลายคางที่จะตัดตรง ไม่มีปลายคาง มีองศาที่ระนาบไปกับพื้น ทำให้ใบหน้าดูแข็ง ไม่เรียวยาว ดูหน้าเหลี่ยม โดยคางลักษณะนี้จะส่งผลให้ใบหน้าดูบึ้งตึง ดูแมนเหมือนผู้ชาย ฟิลเลอร์คางจึงเข้าไปแก้ไขทำให้ใบหน้าดูหวานขึ้น
    3. ปัญหาคางบุ๋ม เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกหรือกล้ามเนื้อบริเวณคาง ที่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของปลายคางยุบลงไป ทำให้เกิดเป็นร่องบุ๋มตรงบริเวณปลายคาง บางคนมีลักษณะบุ๋มเล็กน้อย บางคนเห็นชัดเจนแตกต่างกันออกไป ฟิลเลอร์คางจึงเข้าไปแก้ไขทำให้บริเวณที่มีลักษณะบุ๋มดูตื้นขึ้น และเรียบเนียน
    4. ปัญหาคางยื่น เกิดจากโครงสร้างกระดูกที่มีความยาวผิดปกติ มีลักษณะคางยาวไปด้านหน้า สังเกตุได้จากด้านข้าง ส่งผลให้รูปคางยาวไม่ได้สัดส่วนของใบหน้าที่เหมาะสม ฟิลเลอร์คางจึงเข้าไปแก้ไขทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนที่ดีขึ้น แต่ต้องขึ้นอยู่กับแพทย์ด้วยว่า คนไข้ควรที่จะได้รับการรักษาแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5863″ image_size=”original”]

    [/col_inner]

    [/row_inner]
    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใคร” link=”#section2″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใคร” tag_name=”h2″]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด ทำให้ใบหน้าดูกลม
    • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคางไม่เท่ากัน คางผิดรูป ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็ม ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ได้สัดส่วน ไม่ต้องพักฟื้น
    • เหมาะกับผู้ที่อยากมีรูปหน้าที่เรียวยาวขึ้นแต่ไม่อยากศัลยกรรมผ่าตัดเสริมคาง เพราะกลัวเจ็บหรือไม่มีเวลาพักฟื้น
    • เหมาะกับผู้ที่อยากจะเสริมคางแต่ไม่แน่ใจว่า จะเหมาะกับใบหน้าไหม การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยให้คนไข้ประเมินทรงคางก่อนทำการเสริมจริงได้

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์คางไม่เหมาะกับใคร” link=”#section3″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์คางไม่เหมาะกับใคร” tag_name=”h2″]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นภูมิแพ้รุนแรง มีปัญหาเลือดออกง่ายหรือแข็งตัวยากกว่าปกติ
    • ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังทานยาที่มีผลละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน ฯลฯ
    • ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม” link=”#section4″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์คางอันตรายไหม” tag_name=”h2″]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    ฟิลเลอร์คางไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอนถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานฟิลเลอร์แท้และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย 100% ผลข้างเคียงแทบไม่เกิดขึ้นเลย หรือถ้าจะมีก็อาจจะเล็กน้อย เช่น มีรอยรูเล็กๆ ที่เข็มฉีดลงไปบริเวณคาง แต่ถ้าหากรับบริการจากแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์มากพอ อาจทำให้คางมีสัดส่วนที่ผิดรูป และมีโอกาสที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ฟิลเลอร์คางเป็นก้อน เนื่องจากฉีดเข้าไปผิดบริเวณหรืออาจจะใช้ฟิลเลอร์มากเกินไป ทำให้บริเวณที่ฉีดจับตัวกันเป็นก้อน จนไม่สามารถสลายได้ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์คางควรที่จะฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5864″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [section]

    [row]

    [col span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.221)” bg_radius=”45″]

    [scroll_to title=”ข้อดีข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง” link=”#section5″ bullet=”false”]

    [title style=”bold-center” text=”ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง”]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    1. เป็นหัตถการที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด ไม่เสี่ยงต่อการเป็นแผลนูน หลังทำเห็นผลทันที
    2. ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้นเพราะหลังฉีดฟิลเลอร์สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
    3. ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นในการปรับรูปคาง หากสั้นเกินไปก็สามารถเติมเพิ่มได้ หากยาวเกินไปก็สามารถสลายบางส่วนออกได้ทันที
    4. สารเติมเต็มที่นำมาใช้ในการฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองทางการแพทย์ว่าสามารถใช้กับคนทั่วไปได้ อีกทั้งในการฉีดฟิลเลอร์ จะต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดเป็นผู้ทำเท่านั้น จึงทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ อย่างแน่นอน
    5. ค่าใช้จ่ายไม่สูง ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีงบจำกัด

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″ bg_color=”rgba(1, 24, 126, 0.221)” bg_radius=”45″]

    [title style=”bold-center” text=”ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง”]

    1. ระยะเวลาที่ฟิลเลอร์คางสามารถอยู่ได้นานที่สุดเพียง 1 – 2 ปี ต่อการฉีด 1 ครั้ง
    2. หากฉีดฟิลเลอร์คางในเนื้อคางชั้นตื้นเกินไป ถึงแม้จะใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน เมื่อเวลาผ่านไปอาจจะทำให้เนื้อคางผิดรูปได้

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [section]

    [ux_image id=”5605″ image_size=”original”]

    [/section]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์คางกี่วันเห็นผล” link=”#section6″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์คางกี่วันเห็นผล” tag_name=”h2″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์คางไปแล้ว สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลังทำได้ทันที 80 % ส่วนที่เหลืออาจจะต้องให้เวลาฟิลเลอร์เซ็ตตัวประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากฉีด และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ 1 เดือน

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน” link=”#section7″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน” tag_name=”h2″]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    เมื่อฉีดฟิลเลอร์คางเข้าไปแล้วอาจอยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน เพราะคางเป็นบริเวณที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบ่อยเหมือนกับบริเวณหน้าผากหรือบริเวณใต้ตา รวมไปถึงการฟิลเลอร์คางต้องใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง และถ้าหากดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คางให้ดี อาจทำให้ฟิลเลอร์คางอยู่ได้ยาวนานมากขึ้น

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”ฉีดฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี” link=”#section8″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”ฉีดฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี” tag_name=”h2″]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์คางต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่มีความคงตัวสูง เนื้อแน่น ไม่ฟู เพื่อให้ปั้นเป็นทรงได้สวยเป็นธรรมชาติ โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมและมีความปลอดภัย อยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน จะแนะนำเป็น 4 ยี่ห้อนี้ ซึ่งราคานั้นจะแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติของฟิลเลอร์นั้นๆ

    • Juvederm Voluma เป็นเนื้อเจลที่มีลักษณะแข็งและฟูระดับปานกลาง มีโมเลกุลใหญ่ มีความหนาแน่นและคงตัวได้ดี เหมาะสำหรับการฉีดเติมบริเวณคาง เมื่อฉีดเข้าไปจะทำให้ผิวเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
    • Restylane Lyft เป็นเนื้อเจลที่มีลักษณะแน่น แข็ง มีความคงตัวสูง หลังจากฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเนื้อจะไม่ฟูเหมาะสำหรับการฉีดบริเวณคางเพราะจะทำให้คางคงรูปได้เป็นอย่างดี
    • Neuramis Deep ฟิลเลอร์ตัวนี้เนื้อสัมผัสค่อนข้างดี คงตัว คงรูปได้สวย ราคาย่อมเยาว์
    • Yvoire Volume Plus เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุขนาดใหญ่ มีความคงตัวสูง ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มในชั้นลึกบริเวณคาง

    [/col]

    [/row]
    [gap height=”80px”]

    [scroll_to title=”ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์” link=”#section9″ bullet=”false”]

    [section label=”Simple Center” bg_color=”rgb(245, 245, 245)” padding=”60px” height=”300px”]

    [row h_align=”center”]

    [col span=”10″ span__sm=”12″ align=”center”]

    ข้อปฎิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

    คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้ในบทความนี้

    [button text=”คลิกที่นี่” style=”shade” radius=”99″ depth=”5″ depth_hover=”5″ expand=”true” link=”https://44clinic.com/aftercare/”]

    [/col]

    [/row]

    [/section]
    [gap height=”80px”]

    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [scroll_to title=”สรุป” link=”#section10″ bullet=”false”]

    [title style=”bold” text=”สรุป” tag_name=”h2″]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [row_inner]

    [col_inner span__sm=”12″]

    การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นตัวช่วยสำหรับคนไข้ที่มีปัญหา คางสั้น คางบุ๋ม คางตัด หรือใบหน้าที่ไม่ได้สัดส่วนดูไม่มีมิติ การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว

    [/col_inner]

    [/row_inner]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″ padding=”25px 0px 0px 50px” bg_color=”rgb(1, 24, 126)” bg_radius=”25″ color=”light”]

    อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5750″ image_size=”original”]

    [/col]

    [/row]
    [row]

    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5574″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://lin.ee/pOMCixe” target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5572″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”tel:089439444″ target=”_blank”]

    [/col]
    [col span=”4″ span__sm=”12″]

    [ux_image id=”5575″ image_size=”original” height=”75px” image_hover=”zoom” image_hover_alt=”zoom” link=”https://www.facebook.com/messages/t/106283810849506″ target=”_blank”]

    [/col]

    [/row]