โบท็อกซ์คืออะไร?

          โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อย่อหรือชื่อเรียกของ โบทูลินัมท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างมาจากพิษของแบคทีเรีย ที่ชื่อว่า ครอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) ซึ่งตัวแบคทีเรียตัวนี้ มีผลในการลดการทำงานของสารสื่อประสาท เริ่มต้นโดยการนำมารักษาอาการกล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก รวมถึงอาการปวดไมเกรน ตาเหล่ ก็รักษาด้วยโบทูลินัมท็อกซิน ต่อมาปี 2002 FDA ของอเมริกา มีการรับรองการให้ใช้โบทูลินัมท็อกซิน เพื่อการลดริ้วรอยหน้าผาก และรอยตีนกา จึงเป็นจุดเริ่มต้นการนำโบทูลินัมท็อกซินมาใช้ในเรื่องของผิวพรรณและศัลยกรรมเสริมความงาม

โบทูลินัมท็อกซินเป็นสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งเป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่หดตัว โดยภายหลังการฉีดแล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือนไปและกล้ามเนื้อก็มีขนาดเล็กลง แลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น นอกจากลดริ้วรอยบนใบหน้า ยังช่วยยกกระชับจัดกรอบหน้าให้ดูสวยมีมิติขึ้น เมื่อฉีดบริเวณกรอบหน้า หรือที่เรียกกันว่า ลิฟต์กรอบหน้า จะทำให้ผิวกลับมาตึงกระชับ หรือถ้าฉีดบริเวณกรามจะทำให้หน้าเรียวขึ้น เพราะจะมีการลดขนาดของกล้ามเนื้อบนใบหน้า ทำให้หน้าเรียวเล็ก และอีกจุดที่สามารถทำได้ก็คือ ฉีดลดปีกจมูก เพื่อให้ปีกจมูกทั้งสองข้างมีขนาดเล็กลง ในคนไข้บางรายที่โหนกแก้มใหญ่ การฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไป จะช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้ม ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง  จะช่วยให้ใบหน้าดูเล็กลง หน้าได้รูปมากยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งการฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปบริเวณน่อง เพื่อให้กล้ามเนื้อที่ขาดูเล็กลง ขาเรียวเพรียวยาวขึ้น และยังสามารถฉีดโบทูลินัมท็อกซินบริเวณใต้รักแร้ เพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้อีกด้วยเช่นกัน

กลไกการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์

เมื่อฉีดตัวยาเข้าสู่กล้ามเนื้อแล้ว Botulinum Toxin จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับเซลล์ประสาท เกิดการแยกตัวของกลุ่มโปรตีน (SNARE) ที่มีโมเลกุล 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

  • Synaptobrevin / Vesicle – Associated Membrane Protein (VAMP)
  • 25-kDa Synaptosomal – Associated Protein (SNAP 25)
  • Syntaxin

กลุ่มโปรตีนเมื่อแยกตัวแล้วก็จะทำให้กลไกการทำงานเปลี่ยนไป ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวและลดการทำงานของต่อมเหงื่อ

โบท็อกซ์แบ่งได้กี่ประเภท?

โบท็อกซ์แบ่งได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ

  1. โบทูลินัมท็อกซิน ชนิดเอ (Botulinum Toxin Type A) บริษัทในไทยที่จดทะเบียนถูกต้องมี 5 ยี่ห้อ ได้แก่ Allergan (USA), Dysport (Ipsen/Ireland), Neuronox,  Nabota, Botulax (South Korea)
  2. โบทูลินัมท็อกซิน ชนิดบี (Botulinum Toxin Type B) ได้แก่ Neurobloc, Myobolc

แท้จริงแล้วโบทูลินัมท็อกซินมีทั้งแบบสุญญากาศและแบบผง มีทั้งหมด 8 สายพันธุ์ แต่ส่วนมากที่นิยมใช้คือ Botulinum Toxin Type A และ Botulinum Toxin Type B โบท็อกซ์ชนิด Type A นิยมใช้มากที่สุดเพราะเป็นชนิดแรกที่ออกมาจำหน่ายและได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีความแรงมากกว่า แต่ถ้ามีการละลาย เมื่อนำมาใช้จะมีอายุการเก็บสั้นกว่าชนิด Type B แต่ชนิดType B นั้นเหมาะสำหรับคนที่ฉีดบ่อยๆ และร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อชนิดType A โดยความแรงของชนิดType B (Neurobloc ,Myobloc) นั้นต่ำมาก จึงต้องใช้ปริมาณการฉีดที่สูงกว่า Type A เยอะ(แรงน้อยกว่าถึง 50 เท่า แต่เก็บได้นานกว่าชนิด Type A)

โบท็อกซ์เหมาะกับใคร?

โบทูลินัมท็อกซินจะช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ต่างๆบนใบหน้า เช่น หน้าผาก รอยตีนกา ระหว่างคิ้ว ริ้วรอยรอบดวงตา กราม กรอบหน้า และยังสามารถฉีดเพื่อยกคิ้วขึ้น ทำให้ตาดูโตขึ้น แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น เหมาะสำหรับใช้ปรับรูปหน้าให้ดูเรียว กระชับผิว รวมทั้งลดเหงื่อบริเวณรักแร้ได้อีกด้วย หลังจากฉีดอาจมีอาการปวดศีรษะหรือปวดในบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปเองในเวลาไม่นาน บางรายอาจจะเคี้ยวอาหารได้ยากขึ้นโดยเฉพาะอาหารที่แข็งและเหนียวเพราะการขยับกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดมีความหนืดมากขึ้น ทั้งนี้การฉีดโบทูลินัมท็อกซินจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นส่วนสำคัญเพราะถ้าฉีดผิดตำแหน่งหรือไม่เข้ากล้ามเนื้ออาจเกิดผลข้างเคียงได้

โบท็อกซ์เหมาะกับใคร

  • สำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า เช่น บริเวณ หน้าผาก ตีนกา ระหว่างคิ้ว
  • สำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าเรียวเล็กลง โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • สำหรับผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อบนใบหน้า
  • สำหรับผู้ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อแขน หรือ ขาส่วนน่อง
  • สำหรับผู้ที่ต้องการลดโหนกแก้ม ลดริ้วรอยที่คอ ยกมุมปาก และลดขนาดปีกจมูก
  • สำหรับผู้ที่ต้องการลดเหงื่อ กลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์

โบท็อกซ์ไม่เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum Toxin
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
  • ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
  • ผู้ที่มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังต่อไปนี้

– Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS)
– Lou Gehrig’s Disease
– Myasthenia Gravis
– Lambert – Eaton Syndrome

  • ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกแล้วหยุดยาก

โบท็อกซ์ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

สารโบทูลินัมท็อกซิน มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท อะซีติลโคลีน (Acetylcholine) ที่สั่งให้กล้ามเนื้อยึดและหดตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว เมื่อนำสารโบทูลินัมท็อกซินมาสกัดให้บริสุทธิ์ จะสามารถนำมาใช้รักษาในทางการแพทย์และในวงการเสริมความงามได้

1. โบท็อกซ์ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เมื่อฉีดไปแล้วริ้วรอยจะลดลง หน้าผากตึงกระชับ ไม่มีริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น เมื่อหน้าผากตึง หน้าจะดูเด็กลงและยังสามารถทำหน้าที่ป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตได้

2. โบท็อกซ์ลดริ้วรอยตีนกา

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดริ้วรอยบริเวณตีนกา หางตา ริ้วรอยเล็กๆรอบดวงตา เมื่อฉีดไปแล้วริ้วรอยตีนกาและรอบดวงตาจะลดลง ช่วยทำให้ผิวตึงกระชับ เรียบเนียนขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ และยังสามารถทำหน้าที่ป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตได้

3. โบท็อกซ์ลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้วหรือเวลาที่แสดงสีหน้าเครียด ขมวดคิ้วแล้วเป็นร่องลึก เมื่อฉีดไปแล้วริ้วรอยจะลดลง ร่องลึกระหว่างคิ้วจะตื้นขึ้นไปจนถึงหายไปเลย ช่วยทำให้ผิวบริเวณระหว่างคิ้วตึงกระชับ เรียบเนียนขึ้น แลดูอ่อนเยาว์

4. โบท็อกซ์ลดริ้วรอยบริเวณสันจมูก

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดริ้วรอยบริเวณสันจมูก ที่เกิดจากเวลาที่ย่นจมูก หรือเวลาที่ขำเยอะๆแล้วมีรอยย่นในช่วงบริเวณจมูก เมื่อฉีดไปแล้วริ้วรอยบริเวณสันจมูกจะลดลง ทำให้หน้าดูเด็กลง

5. โบท็อกซ์ลดรอยย่น รอยพับ บริเวณคาง

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดรอยย่น รอยพับบริเวณคางนั้น เป็นปัญหาในคนไข้บางรายที่คางพับ คางย่น ทำให้ใบหน้าดูไม่ได้รูปเพราะคางงุ้มเข้ามา วิธีนี้จะทำให้รอยบริเวณคางจางหายไป

6.โบท็อกซ์ลดกล้ามเนื้อกราม

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดกราม จะช่วยเรื่องลดขนาดของกราม กระชับกรอบหน้า ปรับรูปหน้าเรียว โดยโบทูลินัมท็อกซินจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง และมีขนาดเล็กลง ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

7.โบท็อกซ์ลิฟท์กรอบหน้า ยกกระชับกรอบหน้า

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินเพื่อลิฟท์กรอบหน้าหรือ Lifting เป็นการฉีดโบทูลินัมท็อกซินโดยใช้เทคนิคในการฉีดบริเวณกรอบหน้า เพื่อยกกระชับใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูมีมิติ ผิวยกกระชับ โดยจะสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังฉีดประมาณ 2 สัปดาห์

การลิฟท์กรอบหน้า มีด้วยกัน 2 เทคนิค คือ

    • Dermolift จะทำการฉีดบริเวณแนวกรอบหน้าขึ้นไปด้านบน เพื่อให้ผิวบริเวณที่ฉีดกระชับขึ้น ควรทำเฉพาะเวลาที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน ไม่ควรทำบ่อยๆ เพราะจะเพิ่มโอกาสในการดื้อยาได้
    • Nefertiti lift จะทำการฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อ Platysma บริเวณลำคอซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงผิวลง ที่ทำให้ใบหน้าดูหย่อนคล้อย เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปจะทำให้ผิวบริเวณลำคอ ยกกระชับ เต่งตึงมากขึ้น
8. โบท็อกซ์ลดปีกจมูก

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดปีกจมูก เป็นการฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวและดึงปีกจมูกขึ้นได้ เมื่อเราพูดหรือหายใจแรงๆ ปีกจมูกจะไม่กางออก รูจมูกดูแคบมากขึ้น ส่งผลให้ปีกจมูกดูเล็กลง นอกจากการฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดปีกจมูก ยังสามารถฉีดโบทูลินัมท็อกซินรัดแกนจมูก เพื่อให้สันจมูกคมชัดขึ้น รวมถึงลดริ้วรอยบริเวณสันจมูกส่วนบนได้อีกด้วย

9. โบท็อกซ์ลดโหนกแก้ม

สำหรับใครที่มีปัญหาโหนกแก้มใหญ่จะส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ใบหน้าดูแข็ง ยิ้มแล้วไม่ค่อยมั่นใจเพราะเวลายิ้มหน้าจะดูบานออก การฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้ม (Zygomaticus) ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติ หน้าเรียวขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย

นอกเหนือจากการนำโบทูลินัมท็อกซินมาใช้ฉีดบนใบหน้าแล้ว ยังมีการนำโบทูลินัมท็อกซินไปฉีดในบริเวณส่วนๆต่างๆของร่างกายได้อีกด้วย เช่น

10.โบท็อกซ์ใต้วงแขนหรือรักแร้ เพื่อช่วยลดกลิ่นตัว

การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดเหงื่อใต้วงแขนหรือรักแร้ สามารถช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อและกลิ่นกายบริเวณใต้วงแขนให้ทำงานได้น้อยลง ส่งผลให้สามารถลดเหงื่อออกที่ใต้รักแร้ได้ 80% และประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างคือ การฉีดโบทูลินัมท็อกซินบริเวณรักแร้ จะช่วยลดการหมักหมมของแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์

11.โบท็อกซ์ลดน่อง

สาเหตุที่ทำให้น่องใหญ่เกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ จากการใส่ส้นสูงตลอด เดินหรือยืนนานๆ การฉีดโบทูลินัมท็อกซินลดน่องเป็นการฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปยังกล้ามเนื้อ (Gastrocemius) บริเวณน่อง เพื่อให้ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อน่องที่ใหญ่มีขนาดเล็กลง ปรับขาให้ดูเรียวยาวขึ้น คล้ายกับการลดกล้ามเนื้อของกรามที่ให้หน้าเรียว ในการฉีดโบทูลินัมท็อกซินบริเวณน่องนั้น แพทย์จะทำการฉีดเฉพาะกล้ามเนื้อน่องบางส่วน จึงไม่ส่งผลต่อการยืนหรือเดิน เพราะยังมีกล้ามเนื้ออื่นๆช่วยพยุงอยู่

ฉีดโบท็อกซ์อันตรายหรือไม่?

ยังไม่มีการรายงานถึงอันตรายเกี่ยวกับการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน (ในกรณีที่เป็นของแท้ ได้คุณภาพมาตรฐาน ไม่นับรวมของปลอม) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โบทูลินัมท็อกซินสามารถสลายเองได้ 100% ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูง เพราะว่าถ้าหากเลือกแพทย์ผู้ทำการฉีดและตัวยาที่ฉีดไม่ดี อาจมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีด  ได้แก่

    • บวม แดง ช้ำ เขียว ตรงบริเวณที่ฉีด 
    • แพ้เห่อแดง ที่ผิวหนัง
    • หน้าแข็งตึง  รู้สึกว่าไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ สาเหตุเกิดจากปริมาณที่ฉีดเข้าไปไม่เหมาะสม 
    • หางคิ้วกระดก เทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้คิ้วเลิกสูงขึ้น รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดรอยย่นขึ้นที่ด้านข้างของคิ้วเพิ่มขึ้นได้ด้วย 
    • หนังตาตก เนื่องจากกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ซึ่งเป็นเพียงแค่ชั่วคราว

ทั้งนี้ ผลข้างเคียงส่วนมากที่เกิดขึ้นมักเป็นแบบเฉพาะที่ เช่น หลับตาไม่สนิท ตาผิดรูป ปากเบี้ยว เป็นต้น แต่ถ้าตัวยาที่ใช้มีคุณภาพ และหากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ประเมินปริมาณตัวยาที่เหมาะสม จะไม่มีผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อคนไข้

อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์

ถ้าฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือไม่มีความรู้เฉพาะด้าน สิ่งที่เป็นอันตรายจากการฉีดโบทูลินัมท็อกซินคือการฉีดในตำแหน่งที่ผิด จะส่งผลลัพธ์ตามมาดังนี้

  • บริเวณเหนือหางคิ้วด้านนอก เนื่องจากจุดนี้มีเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของคิ้วจำนวนมาก หากฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปจะทำให้ระบบประสาททำงานน้อยลง  ส่งผลให้หางคิ้วตกลงมา ทำให้หน้าดูเศร้าตลอดเวลา
  • บริเวณริ้วรอยเปลือกตา บริเวณนี้จะมีเส้นประสาทในส่วนที่ควบคุมการกระพริบตา เป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูง จะส่งผลให้กระทบกับระบบประสาทส่วนอื่นของลูกตา หากฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปอาจจะทำให้หนังตาตกอย่างชัดเจน แพทย์จึงไม่ควรฉีดให้กับคนไข้
  • บริเวณมุมปากและริ้วรอยรอบริมฝีปากหากฉีดโบทูลินัมท็อกซินเข้าไปในจุดนี้ จะมีผลต่อระบบประสาทของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม เมื่อระบบประสาทไม่ทำงาน จะมีโอกาสยิ้มแข็ง ทำให้หน้าดูหน้าบึ้ง และจะทำให้การพูด การยิ้ม ดูไม่เป็นธรรมชาติ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดโบท็อกซ์

  •  หน้าแข็ง ดูไร้อารมณ์ ผลข้างเคียงจากการฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาใบหน้าตึง แข็ง บังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ แสดงอารมณ์ หัวเราะไม่ได้ ยิ้มไม่ได้ นับเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในการฉีดจากแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ หรือการฉีดจำนวนยูนิตเยอะๆเกินความต้องการของกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ
  • หน้าผากตก ในกรณีที่ฉีดลดริ้วรอย หากได้รับโบทูลินัมท็อกซินในปริมาณมากเกินในบริเวณหน้าผาก อาจทำให้รู้สึกตึงและหนักหน้าผาก หน้าผากจะตกลง ส่งผลต่อการยักคิ้ว และอาจทำให้ดวงตาตกลง ดูเป็นคนง่วงตลอดเวลา
  • หางคิ้วกระดก หากฉีดโบทูลินัมท็อกซินผิดมัดกล้ามเนื้อ อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วยกตัวขึ้น ทำให้คิ้วของคนไข้เลิ่กสูงขึ้น ทำให้หางคิ้วดูยกอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดรอยย่นข้างคิ้วเพิ่มขึ้น
  • หนังตาตก ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากความไม่ชำนาญของแพทย์ ฉีดผิดจุดก็อาจจะทำให้กล้ามเนื้อที่หยุดทำงานไปเกิดเป็นอัมพาต อาจทำให้หนังตาตกลง อ่อนแรง หน้าดูอ่อนล้าเหมือนคนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา คนไข้บางรายอาจจะถึงขั้นลืมตาได้ไม่เท่ากัน สายตาพร่ามัว แม้จะเป็นผลข้างเคียงเพียงชั่วคราวและสามารถแก้ไขได้ แต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ผิวช้ำ หน้าชา ไร้ความรู้สึก มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เป็นผลข้างเคียงของการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน แต่ไม่เป็นอันตรายเพราะการฉีดนั้นเป็นการใช้เข็มฉีดลงไปในผิว จะมีโอกาสช้ำมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญและความระมัดระวังของแพทย์ผู้ทำการฉีด
  • ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หากฉีดลดกรามในตำแหน่งที่ผิดหรือปริมาณเยอะเกินไป อาจส่งผลทำให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงมุมปากขณะยิ้มได้รับการกดจากตัวยา ผลที่ตามมาคือมุมปากสองข้าง ยกไม่เท่ากัน ปากเบี้ยวเวลายิ้ม แนะนำให้ฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และใช้เทคนิคที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงของการฉีดโบทูลินัมท็อกซินให้น้อยลง
  • เจ็บที่ใบหน้า ปวดศีรษะ ผิวเห่อแดง วิงเวียนศีรษะ อาเจียน ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน เช่น มีความรู้สึกเจ็บที่ใบหน้า ปวดศีรษะ ผิวเห่อแดง มีอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน เป็นต้น ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ และเลือกคลินิกที่มีการดูแลหลังทำ เพื่อความสบายใจ และความปลอดภัย ซึ่ง 44Clinic ของเรามีการนัดติดตามผลทุกเคสภายหลังการทำ

ผลข้างเคียงการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน อาจจะเกิดน้อย เกิดมาก หรือไม่เกิดเลย ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ ตัวยาที่ฉีดต้องเป็นของแท้ และฉีดในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์

คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังการฉีดโบท็อกซ์ได้ ผ่านบทความในหน้านี้ได้เลย

อ่านต่อคลิกที่นี่

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์

  • ควรทำความสะอาดใบหน้าหรือบริเวณที่จะทำการฉีดโบทูลินัมท็อกซินให้สะอาด เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบความพร้อมของผิวอีกครั้ง รวมถึงการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ฉีด ซึ่งคนไข้ควรตรวจสอบตัวยาว่าเป็นของแท้จริงหรือไม่
  • แพทย์จะทายาชาหรือประคบน้ำแข็งบริเวณที่ต้องการฉีด เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บระหว่างฉีด
  • เมื่อเริ่มรู้สึกชา แพทย์จะเริ่มทำการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน เข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมกับบริเวณนั้นๆ ซึ่งระยะเวลาในการฉีดจะอยู่ที่ประมาณ 10 – 20 นาที

ข้อปฎิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์

คนไข้สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติหลังการฉีดโบท็อกซ์ได้ ผ่านบทความในหน้านี้ได้เลย

อ่านต่อคลิกที่นี่

ฉีดโบท็อกซ์นานไหมกว่าจะเห็นผล?

  • ภายหลังจากการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซิน แต่ละจุดจะให้ความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและยี่ห้อของตัวยา ซึ่งการฉีดเพื่อลดริ้วรอย หางตา หน้าผาก หว่างคิ้ว ตีนกา และลิฟต์กรอบหน้า จะรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นช่วง 3 – 4 วัน โดยจะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด จากนั้นจะเห็นผลอย่างชัดเจนในช่วง 1 – 2 สัปดาห์
  • หลังการฉีดเพื่อลดขนาดของกราม ลดขนาดของกล้ามเนื้อน่อง จะรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนในระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป
  • หลังการฉีดบริเวณรักแร้เพื่อลดกลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ จะรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์ 1 เดือนขึ้นไป

ฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ผลลัพธ์ของการฉีดโบทูลินัมท็อกซินจะไม่ได้อยู่อย่างถาวร โดยปกติจะอยู่ได้นานเฉลี่ย 4 – 12 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้

  • ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด หากเลือกโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้นานกว่า เพราะร่างกายจะทำลายโปรตีนที่จับกับโบท็อกซ์ โดยโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนมากกว่าจะถูกทำลายได้ง่าย
  • ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ระยะเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น กราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ ซึ่งต้องอยู่ในการประเมินโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
    หลายคนจะมีความกังวลใจว่าเมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์แล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาใหญ่กว่าเดิมหรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะโบท็อกซ์ทำให้กล้ามเนื้อมัดที่ถูกฉีดไป ทำงานลดลง ขนาดกล้ามเนื้อจึงเล็กลง เมื่อหมดฤทธิ์กล้ามเนื้อก็จะกลับมาทำงานเพิ่มขึ้น ขนาดกล้ามเนื้อจะค่อยๆเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้งานมากก็มีโอกาสสูงที่มัดกล้ามเนื้อจะมีขนาดกลับมาเท่าเดิม

ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน?

ปัจจุบันโบท็อกซ์มีอยู่ด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทั้งบริษัทที่ผลิต ประเทศที่ผลิต เช่น ประเทศเกาหลี ประเทศเยอรมัน ประเทศอังกฤษ เป็นต้น รวมไปถึงความบริสุทธิ์ของตัวยาที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาและระยะเวลาในการออกฤทธิ์ แต่ละยี่ห้อ ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เวลาฉีดโบท็อกซ์ควรสังเกตทุกครั้งว่า โบท็อกซ์ที่ทางคลินิกเลือกใช้นั้นมีคุณภาพ มีอย.หรือไม่

Allergan (โบท็อกซ์อเมริกา)

          Botox Allergan มีงานวิจัยรองรับยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 1989 และผ่านการพัฒนาเพื่อทำให้โอกาสในการดื้อยาน้อยที่สุด ได้รับการยอมรับมากที่สุดในบรรดายี่ห้ออื่นๆ ให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด เพราะโมเลกุลกระจายได้แคบที่สุด เมื่อแพทย์ฉีดตัวยาเข้าไปจึงสามารถควบคุมการกระจายได้ดี นิยมฉีดเข้ากล้ามเนื้อให้เล็กลง แก้ปัญหาเหนียงคอ ผิวหน้าหย่อนคล้อย หน้าห้อยหรือหน้าตก ซึ่งจะอยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติ มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Dysport (โบท็อกซ์อังกฤษ)

จุดเด่นของโบท็อกซ์อังกฤษ คือเมื่อฉีดแล้วตัวยากระจายทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบๆ เหมาะกับการฉีดลิฟต์กรอบหน้าด้วยเทคนิค Dermolift เพื่อยกกระชับผิว สำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวจะตึงขึ้นประมาณ 50% นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่อง และเนื่องจากโบท็อกซ์อังกฤษมีการกระจายตัวยากว้าง แพทย์จึงต้องมีประสบการณ์และใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้ยากระจายไปยังจุดที่ไม่ต้องการ และอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น ตาตก ยิ้มไม่สุด มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Xeomin (โบท็อกซ์เยอรมัน)

          โบท็อกซ์เยอรมันเน้นการพัฒนาโดยนำเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีโปรตีนผสม ถ้าคนไข้ฉีดโบท็อกซ์ Xeomin ก็จะได้รับตัวยาโบท็อกซ์เพียวๆ 100% มีโอกาสดื้อยาน้อยที่สุด ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาให้ความเป็นธรรมชาติ ไม่เเข็งตึง ได้ผลดีในคนไข้ที่ดื้อยา (หากเป็นคนไข้ที่เคยดื้อยาเเล้วหยุดฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2 – 3 ปี แพทย์จะเเนะนำให้ลองใช้ Xeomin) และยังเป็นโบท็อกซ์ที่สามารถฉีดได้ไม่จำกัดปริมาณต่อครั้ง มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 1 – 2 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Nabota (โบท็อกซ์เกาหลี)

เป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อเดียวของเกาหลีที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย. อเมริกา U.S.FDA Approved (2018) สกัดจากธรรมชาติผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Hi – Pure Technology ได้สารที่ออกฤทธิ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% ไม่ก่อให้เกิดการดื้อยา เน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ได้ไว ช่วยลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กเข้ารูป มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 6 – 8 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Botulax (โบท็อกซ์เกาหลี)

          เป็นโบท็อกซ์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะราคาย่อมเยาว์ ใช้รักษาริ้วรอยบริเวณหางตา ระหว่างคิ้ว รอยย่นหน้าผาก ลดปีกจมูก ลดกราม ลดโหนกแก้ม ยกกระชับหน้าและลดน่อง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3 – 4 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ มีความปลอดภัยสูงและได้รับการรับรอง อย.จากไทย มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 6 – 8 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Aestox (โบท็อกซ์เกาหลี)

โบท็อกซ์ Aestox เป็นโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรีย Clostridium Botulinum ถูกผลิตขึ้นที่ประเทศเกาหลี ใช้สำหรับ ลดริ้วรอยบนใบหน้าที่ แก้ปัญหากล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณต่างๆหรือแม้กระทั่งใช้ในการปรับรูปหน้า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง อีกทั้งยังลดปัญหาในการดื้อยาได้อีกด้วย มีฤทธิ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน เป็นโบท็อกซ์แบรนด์ใหม่ล่าสุดที่พึ่งจะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย และ KFDA ของประเทศเกาหลี มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย สามารถสลายไปได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างอย่างแน่นอน

Botox BTXA (โบท็อกซ์ฮ่องกง)

Botox BTXA เป็นแบรนด์ที่ได้นำเข้ามาจากประเทศฮ่องกง คิดค้นโดย Prof.Sugiyama และ Dr. Yinchun Wang ทั้งสองคนเป็นผู้คิดค้น Botulinum Toxin ร่วมกับDr.Scott เจ้าของแบรนด์ดังจาก USA และ Botox BTXA ผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐานสากลมีการศึกษาพัฒนามานานกว่า 30ปี ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแถบเอเชียและอเมริกาใต้ หน้าที่ของ Botox BTXA ช่วยในการคลายกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานชั่วคราว ส่งผลให้บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์มีขนาดที่เล็กลง ริ้วรอยตื้นขึ้น และช่วยในการยกกระชับได้ดี จุดเด่นของ Botox BTXA คือช่วยลดขนาดกรามสามารถเห็นผลได้ภายใน 2-3 วันหลังจากฉีด หรือ 1 อาทิตย์ (ในคนไข้บางราย ) ออกฤทธิ์ยาวนานกว่า 6 เดือน และผลตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพึงพอใจมากกว่า 98%

Botox Hugel (โบท็อกซ์เกาหลี)

Botox Hugel เป็นเกรดพรีเมี่ยมที่ดีที่สุดจากประเทศเกาหลี คุณภาพของตัวยาโบท็อกซ์เทียบเท่ามาตรฐานของ USA ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย (Thailand FDA) และได้รับการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจากสำนักงานกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศเกาหลี (KFDA) ซึ่งฐานในโรงงานการผลิตใช้ Robot ที่ได้มาตรฐาน ปลอดสารปนเปื้อน Purify 99.51% ป้องกันการดื้อยาและใช้เวลาในการเริ่มออกฤทธิ์ประมาณ 1-2 วัน อยู่ได้ยาวนาน 4-6 เดือน

คนไข้ควรเลือกโบท็อกซ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเอง ซึ่งกรณีนี้ทางแพทย์ที่ 44Clinic จะช่วยให้คำแนะนำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการดื้อต่อโบท็อกซ์อีกด้วย ซึ่งการดื้อต่อโบท็อกซ์ คือ การที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโบท็อกซ์ ทำให้ฉีดเข้าไปแล้วไม่ได้ผล เพราะภูมิคุ้มกันของเราทำลายสารโบท็อกซ์ทิ้งไปหมด เกิดขึ้นได้ในกรณีที่มีการฉีดติดต่อกันเป็นเวลานานด้วยปริมาณมาก แต่พบได้น้อยมาก ซึ่งทางการแพทย์เคยมีรายงานว่าพบในคนไข้ที่มีประวัติการฉีดมากกว่า 200 ยูนิตต่อครั้ง ติดต่อกันหลายครั้ง ซึ่งมักเป็นผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวกับการเกร็งของกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เช่น ผู้ป่วยพิการทางสมอง ซึ่งต้องใช้ปริมาณมากในการฉีดแต่ละครั้ง ส่วนการฉีดในวงการเสริมความงามนั้น ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่มีการฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณมากเกินไป

เลือกฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี ฉีดโบท็อกซ์ที่ 44Clinic ดีอย่างไร?

เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

          คลินิกนั้นจะต้องผ่านการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง มีเลขใบอนุญาต 11 หลัก ในการเปิดคลินิกที่สามารถตรวจสอบได้ติดไว้ทางด้านหน้าของคลินิกเสมอ โดยเฉพาะสถานประกอบการคลินิกเสริมความงาม ซึ่ง 44Clinic ของเราเป็นคลินิกที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เลขที่ใบอนุญาต 13101007862 สามารถตรวจสอบแหล่งที่ตั้งได้อย่างชัดเจน

เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

แพทย์ที่เลือกต้องเป็นแพทย์เฉพาะทาง แพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดโบท็อกซ์หรือสารเติมเต็มโดยเฉพาะ สามารถวิเคราะห์ปัญหาบนใบหน้าและกำหนดปริมาณตัวยาได้อย่างแม่นยำ และเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการปรับรูปหน้า รู้ระดับความลึกของเส้นเลือดเป็นอย่างดี รู้ว่าเส้นเลือดบริเวณไหนต้องระวัง เพราะการฉีดโบท็อกซ์นั้น ก็สามารถเกิดข้อผิดพลาด ที่ส่งผลกับกล้ามเนื้อของใบหน้าได้ ซึ่ง 44Clinic ของเราฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทุกเคส คนไข้จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย

คลินิกต้องมีอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมใช้งาน

ในห้องที่ใช้ในการรักษาภายในคลินิก ต้องมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมใช้งานตลอดเวลา และจะดีขึ้นไปอีก หากจะมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่สำคัญอยู่ด้วย นั่นคือ เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจสอบคลื่นหัวใจ และอุปกรณ์กู้ชีพ เพราะนั่นหมายถึงการดูแลความปลอดภัยของคนไข้ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงกรณีฉุกเฉินได้อย่างดี ซึ่ง 44Clinic ของเรามีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานครบถ้วน สามารถให้บริการคนไข้ทุกคนได้เป็นอย่างดี

คลินิกต้องมีภาพลักษณ์โดยรวมดี

เมื่อก้าวเข้าไปในคลินิกต้องรู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น คลินิกต้องมีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ตั้งแต่พื้นห้อง ผนังห้อง ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้งพนักงานต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี สามารถให้รายละเอียดได้ครบถ้วน ซึ่ง 44Clinic ของเราเป็นคลินิกที่ดูแลรักษาความสะอาด มีการฆ่าเชื้ออยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงมีการอบรมพนักงานเป็นประจำ เพื่อการให้บริการที่ดีที่สุด

โบท็อกซ์ของแท้ มีคุณภาพ ผ่านอย.

คนไข้ต้องมีความรู้ก่อนว่ามีความต้องการที่จะฉีดยี่ห้อไหน เพราะในปัจจุบันโบท็อกซ์มีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทั้งบริษัทที่ผลิต ประเทศที่ผลิต รวมไปถึงความบริสุทธิ์ของตัวยาที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาและระยะเวลาในการออกฤทธิ์อีกด้วย โดยโบท็อกซ์รุ่นยอดนิยม ได้แก่ Nabota, Allergan, Dysport, Neuronox, Botulax, Xeomin, BTXA, Hugel ซึ่งแต่ละแบรนด์นั้นมีคุณสมบัติและระยะเวลาเห็นผลลัพธ์ที่ต่างกันไป คนไข้สามารถขอให้แพทย์แกะกล่อง เปิดขวดและผสมยาให้ดูต่อหน้าได้ ซึ่ง 44Clinic ของเรารักษาสิทธิของคนไข้ ให้ตรวจสอบตัวยาก่อนฉีดได้อยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้

รีวิวของคลินิก

ผลงานที่ผ่านมาอาจเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า คลินิกที่คนไข้กำลังสนใจอยู่นี้มีฝีมือขนาดไหน จะต้องมีผู้ไปใช้บริการจริง หรืออาจเข้าไปสอบถามจากคนที่เคยไปทำมาแล้วก็ได้ เพื่อเราจะได้ดู Feedback จากคนไข้ จึงจะสามารถประเมินคลินิกได้อย่างแท้จริง ซึ่ง 44Clinic ของเรามีรีวิวการใช้บริการจากคนไข้กว่าหลายร้อยคน

ให้คำแนะนำอย่างครบถ้วนและตรงไปตรงมา

44Clinic ของเรามีแพทย์ที่ให้คำแนะนำและประเมินปัญหาใบหน้าอย่างตรงจุดและตรงไปตรงมา ถ้าประเมินแล้วว่าไม่ควรทำ หรือทำแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ แพทย์ก็จะแจ้งคนไข้ตามตรง และแนะนำหัตถการที่เหมาะกับคนไข้เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดต่อไป

Review ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ที่ 44Clinic

อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับ Botox

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย