การให้วิตามินผิว

ทักแชทหาแอดมิน
โทรด่วน

การเตรียมตัวก่อนให้วิตามินผิว

ก่อนการฉีดวิตามินผิวคนไข้ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำการฉีด เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายมีความพร้อมที่จะฉีดวิตามินผิว ดังนั้นคนไข้จึงควรทำตามขั้นตอนที่แพทย์แนะนำ ดังนี้

  1. คนไข้ควรทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเช็คประวัติเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายเบื้องต้นก่อนการเข้ารับบริการ เพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าร่างกายไม่มีอาการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือมีการรักษาที่ต้องใช้ยาแบบต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดอาการข้างเคียงจากการฉีดผิว
  2. คนไข้ควรศึกษาข้อมูลของคลินิกที่จะเข้ารับบริการอย่างละเอียดก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจากคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานบางที่ อาจใช้ยาที่ไม่ผ่านการรับรองจาก องค์การอาหารและยา (อย.) หรือผสมน้ำเกลือเจือจางตัวยาในปริมาณมากเพื่อลดต้นทุน ซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือฉีดไปแล้วอาจจะไม่เห็นผล ดังนั้นคนไข้ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพผ่านการรับรองโดย อย. เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง
  3. คนไข้ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเบื้องต้น เพื่อให้แน่ใจว่าสูตรของวิตามินที่ใช้เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไข้ เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งทาง 44Clinic ได้ทำการรวบรวมรายละเอียดของสูตรของวิตามินผิวที่ทางคลินิกเลือกใช้ไว้ให้คนไข้ศึกษารายละเอียดเบื้องต้นก่อนทำการตัดสินใจไว้ที่นี่แล้ว

    ( 6 สูตรวิตามินผิวที่ 44Clinic เลือกใช้ “คลิกที่นี่” )

  4. คนไข้ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยก่อนทำการฉีดวิตามินผิวคนไข้ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร เพื่อลดความเข้มข้นของเลือดและช่วยให้ระบบเลือดในร่างกายไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมตัวยาไปใช้ได้แบบมีประสิทธิภาพสูงสุด

ขั้นตอนการให้วิตามินผิว

          คนไข้คงจะสงสัยว่าการฉีดผิวมีวิธีการทำอย่างไร ซึ่งในการฉีดวิตามินผิวนั้นจะมีวิธีการดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างละเอียด ดังนี้
  1. คนไข้ต้องเข้ารับการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่จะพิจารณาสูตรในการฉีดวิตามินผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของคนไข้และตรงกับความต้องการของคนไข้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
  2. พยาบาลหรือผู้ช่วยแพทย์จะทำการสอบถามประวัติเบื้องต้นของคนไข้ ว่ามีอาการแพ้ยาหรือไม่ ทำการวัดความดันและชั่งน้ำหนักเพื่อพิจารณาว่าควรใช้ตัวยาปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับคนไข้ และเพื่อเป็นการป้องกันการใช้ยาเกินขนาด
  3. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้พยาบาล หรือผู้ช่วย เตรียมตัวยาที่มีส่วนผสมของวิตามิน ผสมกับน้ำเกลือ 0.9% Sodium Chloride ปริมาณ 100 มิลลิลิตร ที่มาในรูปแบบของถุงน้ำเกลือ
  4. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการเปิดเส้นของคนไข้ที่เข้ารับการฉีดวิตามินโดยใช้วิธีการหยดวิตามิน หรือที่เรียกว่า IV Drip เข้าสู่เส้นเลือดดำ ผ่านสายน้ำเกลือ ทำให้วิตามินค่อยๆ เข้าสู่ร่างกายคนไข้อย่างช้าๆ คล้ายกับการให้น้ำเกลือ ใช้เวลาประมาณ 30 – 60 นาที
  5. หลังจากให้วิตามินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการให้คำแนะนำถึงวิธีการดูแลตนเองหลังฉีดวิตามินผิวให้แก่คนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

การดูแลตนเองหลังการรับวิตามินผิว

หลังจากที่คนไข้ได้ฉีดวิตามินผิวแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการให้คำแนะนำในการดูแลตนเองของคนไข้ว่าควรดูแลตนเองอย่างไรเพื่อให้การฉีดผิวมีประสิทธิภาพสูงสุด และให้ผลลัพธ์ที่คงสภาพอย่างยาวนาน ซึ่งวิธีในการดูแลตนเองหลังการฉีดวิตามินผิว มีดังนี้

  1. คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดกลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะแสงแดดคือตัวการที่ทำให้เซลล์ผิวถูกทำลายและกลับมาคล้ำเสียอีกครั้ง
  2. คนไข้ควรปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+++ เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ผิวถูกทำลายจากแสงแดดที่มีรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดผิวคล้ำเสีย
  3. คนไข้ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และวิตามิน B3 เพื่อทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง เพื่อเร่งประสิทธิภาพของการฉีดผิวชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้คงสภาพความกระจ่างใสได้นานยิ่งขึ้น
  4. หลังจากที่คนไข้ฉีดวิตามินผิวไปแล้ว ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ เนื่องจากสารในแอลกอฮอลล์และบุหรี่จะเข้าไปทำลายประสิทธิภาพของตัวยาที่ได้รับมา อีกทั้งการดื่มแอลกอฮอลล์และสูบบุหรี่ยังส่งผลเสียต่อการฟื้นฟูผิว อาจจะทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพจนกลับมาคล้ำเสียและเกิดริ้วรอยได้อีก
  5. คนไข้ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 2 – 3 ลิตร เพื่อช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมตัวยาไปใช้ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่งและมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
  6. หลังจากการฉีดผิวแพทย์จะทำการแนะนำให้คนไข้ฉีดวิตามินผิวอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว โดยในช่วงแรกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ทำติดต่อกันอย่างน้อย 3 – 5 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกัน 1 สัปดาห์ หลังจากได้รับการปรับสภาพผิวเรียบร้อยแล้ว คนไข้สามารถเลือกที่จะลดระยะเวลาการฉีดผิวเป็น 2 อาทิตย์ ต่อหนึ่งครั้ง หรือเดือนละครั้งได้ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่คนไข้พึงพอใจ อีกทั้งสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิที่สูงที่สุดและเป็นการรักษาสภาพผิวให้คงอยู่ได้อย่างยาวนาน
  7. เพื่อให้การฉีดวิตามินผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คนไข้ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ทานผักและผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการดูแลผิว มีวิตามินซี แร่ธาตุสูง เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินไปใช้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การฉีดวิตามินผิวมีผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วยิ่งขึ้น

สรุป

การฉีดวิตามินผิวเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน เพื่อให้การฉีดวิตามินผิวได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่สภาพผิวและการดูแลตนเองหลังจากการฉีดวิตามินผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งหากปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างแน่นอน

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!