ขั้นตอนการรักษาสิวด้วย Acne Clear Program ที่ 44Clinic

          สำหรับการรักษาปัญหาสิว หากคนไข้เลือกเข้ารับบริการกับทาง 44Clinic เราจะมีโปรแกรมในการรักษา ที่เรียกว่า “Acne Clear Program” ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทางคลินิกได้ทำการทดลองและพิสูจน์มาแล้วว่าให้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างแน่นอน ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาอธิบายให้คนไข้ได้ทราบถึงขั้นตอนการรักษาและวิธีการดูแลตนเองเมื่อเข้ารับบริการ Acne Clear Program กับทางคลินิก เพื่อเป็นตัวเลือกในการประกอบการตัดสินใจสำหรับคนไข้ที่กำลังมองหาวิธีในการแก้ไขปัญหาสิว

ขั้นตอนการทำ Acne Clear Program

          สำหรับการรักษาสิวด้วย Acne Clear Program ของทาง 44Clinic จะมีขั้นตอนด้วยกันทั้งหมด 5 ขั้นตอน ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสิวของคนไข้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลอย่างชัดเจน ซึ่งขั้นตอนในการรักษามีด้วยกันทั้งหมด ดังนี้

Acne Clear การรักษาผิว 5 ขั้นตอน

1.เคลียร์ผิว สะอาดด้วย Cleansing Milk

อันดับแรกต้องเตรียมผิวหน้าให้สะอาด ปราศจากเครื่องสำอางค์และความมันบนใบหน้าด้วยคลีนซิ่งเนื้อน้ำนม นุ่มละมุน ด้วยส่วนผสมจากโจโจ้บาร์ออยผสานกับวิตามินอีเข้มข้น เมื่อนวดคลึงลงไปบนผิวหน้า จะช่วยในการทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกและบำรุงผิวไปในเวลาเดียวกัน

2.มาส์กละลายหัวสิวด้วยวิตามิน A และ BHA

สารสกัดจากธรรมชาติที่จะช่วยลดสิวอุดตัน พร้อมผลัดเซลล์ผิว ลดขนาดของคอมีโดนช่วยทำให้หัวสิวแข็งตัว และกดออกได้ง่ายขึ้น

3.กดสิว ฉีดสิว ทั่วใบหน้า

การกดสิวเป็นการทำให้สิวอุดตันหลุดออกไป การกดสิวอย่างถูกวิธีจะทำให้สิวอุดตันหายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดโอกาสของการเกิดสิวอักเสบ ทำให้ผิวเรียบเนียน ส่วนสิวอักเสบแพทย์จะทำการฉีดเพื่อลดอาการอักเสบ

4.มาส์กฆ่าเชื้อสิว Acne Mask

การมาส์กผิวหน้าจะช่วยฆ่าเชื้อสิว ลดการเกิดสิวใหม่พร้อมจัดการสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่บนใบหน้า ช่วยลดอาการอักเสบของสิว ช่วยทำให้รูขุมขนกระชับ ลดรอยแดงที่เกิดจากการกดสิวใหม่ และช่วยผ่อนคลายทำให้สบายผิวหน้า

5.บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์และทาครีมกันแดด

มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ลดการสูญเสียน้ำของผิวและช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื่นได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น หลังจากนั้นตามด้วยการทาครีมกันแดดเนื้อบางเบาเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV

นานไหมกว่าจะเห็นผล

           การดูแลตัวเองหลังรักษาสิวจะต้องทำอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง มิเช่นนั้นอาจจะทำให้สิวเกิดขึ้นใหม่ได้อีกและอาจเกิดการอักเสบมากกว่าเดิม โดยทั่วไปการรักษาสิวหากรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องและทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง สิวที่คนไข้เป็นจะเริ่มเห็นผลการรักษาที่ดีขึ้น ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ เมื่อรักษาได้ประมาณ 2 เดือน ผลการรักษาจะดีขึ้น 30 – 50% และหากรักษาต่อเนื่องไปอีก สิวก็จะหายไปได้ถึง 80% ขึ้นอยู่กับการรักษาของแต่ละบุคคล หากคนไข้ทำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัดสามารถมั่นใจได้ถึงผลลัพธ์ในการรักษาว่าจะมีความปลอดภัยและให้ประสิทธิภาพอย่างสูงสุดอย่างแน่นอน

ดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อเป็นสิว

  1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้า พอกหน้า เครื่องสำอางค์หรือครีมกันแดดที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เพราะอาจจะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและสามารถทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบได้
  2. ลดการทานอาหารประเภทของมัน ของทอดรวมถึงอาหารที่มีไขมันสูงเพราะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักกว่าปกติ อีกทั้งไขมันยังเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวเพิ่มขึ้นได้
  3. ซักผ้าปูที่นอน เพราะหมอนหรือที่นอนสัมผัสใบหน้าเราในทุกวันอาจจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นเราควรเปลี่ยนปลอกหมอนหรือผ้าปูที่นอนอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งเพื่อความสะอาด และไม่ให้เกิดการก่อตัวของแบคทีเรีย
  4. ไม่บีบหรือสัมผัสใบหน้าในบริเวณที่เป็นสิว เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีโอกาสในการเกิดสิวเพิ่มมากขึ้น
  5. การดีท็อกซ์ร่างกาย คือการนำเอาของเสียออกจากร่างกาย โดยการออกกำลังกาย อบซาวน่า อบไอน้ำผิวหน้า รวมถึงการขับถ่าย เพื่อขจัดของเสียและล้างสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำใส้ให้ออกจากร่างกาย อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สดใส และยังช่วยลดการเกิดสิวได้อีก
  6. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้า คนที่เป็นสิวส่วนใหญ่มักจะมีอาการผิวมัน แพ้ง่าย รูขุมขนกว้าง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและแอลกอฮอล์เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคืองและไม่ทำให้ผิวเกิดการอุดตันของสิวเพิ่มขึ้น
  7. ผ่อนคลายความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ความเครียดอาจจะส่งผลต่อการเกิดสิว เพราะในขณะที่เราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาทำให้ไปเพิ่มการผลิตของไขมันและทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้น ดังนั้นผู้ที่เป็นสิวต้องผ่อนคลายและพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ เล่นโยคะ เพื่อลดความเครียดและช่วยให้สิวลดลง
  8. การดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง เติมความชุ่มชื้นลดความมันบนใบหน้า ลดการระคายเคืองผิวและช่วยล้างสารพิษในร่างกายได้เป็นอย่างดี

สรุป

           การรักษาสิวให้หายขาด ไม่ใช่เรื่องยากและมีขั้นตอนที่ซับซ้อน เพียงแต่หากคนไข้ต้องการให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ถาวรและมีประสิทธิภาพสูงสุด คนไข้จะต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์ในการรักษาอย่างเคร่งครัด เข้ารับการรักษาตามที่แพทย์นัดอยู่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง นอกจากนั้นคนไข้จะต้องดูแลตนเองหลังการเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่จะกระตุ้นการเกิดสิว เพียงเท่านี้ ปัญหาสิวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะหมดไป ผลลัพธ์ที่ได้จากการดูแลตนเองตามการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาสิว จะทำให้คนไข้ได้ใบหน้าที่สดใส เรียบเนียน พร้อมคืนความมั่นใจให้กับคนไข้ได้อย่างแน่นอน

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
error: Content is protected !!