มาทำความรู้จักกับสิวอักเสบกันเถอะ!

สิวอักเสบเกิดจากอะไร

          สิวอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียรวมตัวกันอยู่ และปล่อยเอนไซม์กระตุ้นสิวอุดตันให้เกิดเป็นสิวอักเสบ มีความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งลักษณะที่เราจะมองเห็นคือ เป็นตุ่มแดงนูน บวมแดง บางครั้งก็อาจจะเป็นหัวหนองให้เห็น เมื่อไปสัมผัสโดนบริเวณสิวก็จะรู้สึกถึงอาการเจ็บเกิดขึ้น โดยสิวอักเสบจะแบ่งได้ตามนี้

  • สิวอักเสบแดงเป็นก้อน มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง เมื่อใช้มือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวจะมีความรู้สึกถึงไตแข็งๆและรู้สึกเจ็บ เพราะในสิวมีเชื้อแบคทีเรียและมีน้ำมันผสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง
  • สิวตุ่มนูนแดง มีลักษณะเป็นตุ่มแดงเล็กๆขนาดไม่เกิน 0.5 ซม. โดยสิวชนิดนี้เป็นสิวอักเสบระยะแรกที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน
  • สิวหัวหนอง มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและมีความรู้สึกปวดเมื่อสัมผัสโดนบริเวณที่เป็นสิว ด้านบนของบริเวณสิวจะมีหัวหนองสีเหลืองอยู่ ซึ่งเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจึงทำให้เกิดอาการอักเสบมากกว่าปกติ
  • สิวหัวช้าง เป็นสิวชนิดที่มีความรุนแรงที่สุด เกิดขึ้นกับคนไข้ที่มีผิวหน้ามันมากๆ สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่รวมตัวกันหนาแน่น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบริเวณ ใบหน้า หน้าอกและแผ่นหลัง

สาเหตุในการเกิดสิวอักเสบ

  1. เกิดจากฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมนแอนโดรเจนในคนไข้บางรายมีระดับที่สูง ทำให้เกิดการกระตุ้นของต่อมไขมันขนาดใหญ่ จึงทำให้ร่างกายสร้างไขมันออกมามากเกินขนาดทำให้เกิดเป็นสิว
  2. เกิดจากการใช้เครื่องสำอางค์และครีมบางประเภทที่อาจทำให้เกิดสิว ในคนไข้บางรายอาจเกิดอาการแพ้สารบางประเภทที่อยู่ในส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน น้ำหอม และสารตกค้างที่อยู่ในเครื่องสำอางค์อาจก่อให้เกิดการกระตุ้นและอุดตันของผิวหนัง ทำให้เกิดสิวได้
  3. เกิดจากอาหารจำพวกของมัน ของทอด หรืออาหารที่มีส่วนผสมของนมวัว ชีส เนย อาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบ
  4. เกิดจากการแคะ แกะ บริเวณที่เป็นสิว เพราะการที่เรานำมือไปสัมผัสบนใบหน้าอาจก่อให้เกิดสิ่งสกปรกและระคายเคืองได้ เนื่องจากมือของเราหยิบจับสิ่งของและไม่ได้ล้างให้สะอาดก่อนการสัมผัสใบหน้าบริเวณที่เป็นสิวอาจเกิดอาการอักเสบและกระจายตัวของเชื้อสิวได้
  5. เกิดจากแบคทีเรีย การที่ต่อมไขมันในร่างกายเกิดการผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปจนทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ซึ่งจะไปกระตุ้นการเกิดสิวอักเสบทำให้บวมแดง หรืออาจจะเกิดเป็นสิวหัวหนอง
  6. เกิดจากการนอนดึกเป็นประจำ หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ ต่อมไขมันในร่างกายทำงานหนักขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวอักเสบและสิวอุดตัน

เมื่อเป็นสิวอักเสบควรดูแลอย่างไร

  1. คนไข้ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรักษาสิวเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นเพื่อความอ่อนโยนของผิวโดยเฉพาะ ทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิว ไม่เกินวันละ 2 ครั้ง
  2. คนไข้ต้องเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อลดการเกิดสิวอักเสบ
  3. คนไข้ต้องเลือกทานอาหารที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หรือไม่ก็ควรงดอาหารประเภททอด และเน้นเป็นต้ม นึ่งแทน
  4. ก่อนทำการสัมผัสใบหน้าคนไข้ควรล้างมือทุกครั้ง
  5. คนไข้ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน ประมาณ 6 – 8 แก้ว
  6. คนไข้ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ตัวเองไม่เครียด ไม่กังวล เพราะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว

แนวทางในการรักษาสิวอักเสบที่ 44 คลินิก

          ในการรักษาสิวที่ 44Clinic จะมีด้วยกันอยู่หลายบริการ แต่สำหรับการรักษาสิวอักเสบที่ 44Clinic นั้น เบื้องต้นแพทย์จะแนะนำให้คนไข้ เริ่มจากการรักษาด้วย Acne Clear Program และตามด้วยการฉีดตัวยามาเด้คอลลาเจน เพื่อเป็นการเคลียร์สิวที่อักเสบ กำจัดสิวอุดตันและเชื้อสิวที่ฝังตัวอยู่ใต้ผิวหนัง หลังจากนั้นหากเมื่อติดตามผลแล้วคนไข้มีอาการของรอยสิว หรือหลุมสิว แพทย์จะทำการประเมินอาการเพื่อที่จะดูว่าคนไข้ควรรับบริการใดต่อไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดสิวอักเสบ

  1. ล้างหน้าให้สะอาด เพราะในแต่ละวันเราเจอทั้งสิ่งสกปรก ฝุ่นควัน มลภาวะล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สะสมอยู่บนผิวหน้า หากเราล้างหน้าไม่สะอาดอาจทำให้สิ่งเหล่านี้ไปอุดตันรูขุมขนบนผิวหนังได้ ดังนั้นการล้างทำความสะอาดใบหน้าถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก อย่างน้อยต้องล้างหน้าเป็นประจำ เช้า – ก่อนนอน
  2. ห้ามบีบสิวอักเสบ หรือสัมผัสในบริเวณที่เป็นสิว เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีโอกาสในการเกิดสิวเพิ่มมากขึ้น
  3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แชมพูหรือยาสระผมที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เพราะอาจจะทำให้เกิดการอุดตันและเสี่ยงต่อการเกิดสิวอักเสบตามมาได้
  4. เวลาเป็นสิวอักเสบควรเลือกใช้น้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อ (Normal Saline Solution) เช็ดทำความสะอาดแผลเพื่อป้องกันการเกิดสิวอักเสบที่เพิ่มขึ้น เพราะในน้ำเกลือที่ปราศจากเชื้อผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว สามารถใช้ทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างปลอดภัย
  5. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางค์ขณะเป็นสิวอักเสบ หรือทาทับในบริเวณที่เป็นสิว เพราะจะเพิ่มโอกาสในการเกิดสิวใหม่ และทำให้บริเวณที่เป็นสิวเกิดการอุดตันและอาจติดเชื้ออย่างรุนแรงได้

สรุป

          ในการรักษาสิวอักเสบให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คนไข้ควรเลือกรักษาตามอาการของตนเองและตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และมีการเข้ามาติดตามผลอยู่สม่ำเสมอ นอกจากนั้นคนไข้จะต้องปฏิบัติตามวิธีการดูแลตนเองเมื่อเป็นสิวอักเสบ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวอักเสบตามการแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ใบหน้าของคนไข้ได้กลับมาเรียบเนียน ดูกระจ่างใส เพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองอีกครั้ง

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
error: Content is protected !!