โบท็อกซ์ลดกราม

โบท็อกซ์ลดกราม

          อีกหนึ่งเคล็ดลับของการมีใบหน้าเรียว โดยที่ไม่ต้องทำการศัลยกรรม ก็คือ การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มีความกังวลเรื่องใบหน้าที่ไม่เรียวกระชับ ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ชัดเจน ไม่ต้องผ่าตัด และพักฟื้นเป็นระยะเวลานาน

สำหรับโบท็อกซ์ฉีดลดกรามนั้น จะใช้ตัวยาที่ชื่อว่า Botulinum Toxin A เป็นโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรีย จะออกฤทธิ์ไม่ให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามขยับได้ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ด้วยเหตุนี้ การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม จึงช่วยให้คนที่มีลักษณะใบหน้ากรามเด่นชัดดูสมส่วนขึ้น เพราะรูปหน้าเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ การทำโบท็อกซ์ลดกรามยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย และรอยย่นในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย

โบท็อกซ์ลดกรามเหมาะกับใคร?

  • เหมาะกับผู้ที่มีกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อบริเวณกราม
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีใบหน้าได้สัดส่วน เรียวได้รูป V – Shape

โบท็อกซ์ลดกรามอันตรายไหม?

การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามนั้นจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อผู้ที่กระทำการรักษา เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ต้องเป็นของแท้ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งในประเทศและประเทศอื่นทั่วโลก ว่าสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งสถานที่ให้บริการก็ต้องเป็นสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตในการประกอบการ รวมถึงตัวยาก็ต้องมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

โบท็อกซ์ เป็นโปรตีนที่ถูกสกัดจากธรรมชาติ มีความบริสุทธิ์สูง เมื่อนำมาฉีดเข้าร่างกายจึงไม่เป็นอันตราย ปลอดภัย ไม่มีการตกค้าง เพียงแต่หากเลือกฉีดกับผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ หรือสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานในการดำเนินการ อาจส่งผลเสียเหล่านี้ได้ เช่น

  • กรณีที่ผู้ดำเนินการรักษาไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจฉีดในปริมาณที่ไม่ถูกต้อง ผิดตำแหน่ง ทำให้ใบหน้าผิดรูป ยิ้มไม่ได้
  • กรณีที่ผลิตภัณฑ์ไม่ได้คุณภาพ เช่น อาจมีการใช้โบท็อกซ์ปลอมในการฉีด อาจส่งผลเสียต่อร่างกายในภายหลัง
  • กรณีที่สถานที่ดำเนินการไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลให้เกิดการปนเปื้อน หรือติดเชื้อในขณะดำเนินการรักษาได้
    ดังนั้นคนไข้ควรศึกษาและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเลือกฉีดโบท็อกซ์ลดกราม

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม

  1. การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ทำให้ใบหน้าเรียวเล็ก ได้รูปสวยงาม
  2. ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  3. เป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม และไม่ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน
  4. มีความปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง เนื่องจากเป็นสารสกัดที่บริสุทธิ์
  5. เป็นหัตถการที่มีราคาไม่สูงมาก และทำซ้ำได้จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ

ข้อเสียของการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม

  1. หากฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เช่น ยิ้มไม่ได้ ใบหน้าแข็งตึง
  2. หากฉีดผิดวิธีอาจส่งผลให้ใบหน้าผิดรูปได้
  3. หากเลือกฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจเสี่ยงพอๆกับการใช้โบท็อกซ์ปลอมได้
  4. มีระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่ไม่ถาวร

ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามบวมกี่วัน?

หลังจากฉีดโบท็อกซ์ลดกราม บริเวณที่ฉีดและรอบๆจะมีอาการบวมเกิดขึ้นได้เนื่องจากตัวยาเข้าไปแทรกอยู่ในระหว่างผิวและชั้นของกล้ามเนื้อ อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองโดยธรรมชาติ ภายใน 1 – 2 ชม. ดังนั้นคนไข้จึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับอาการบวมที่เกิดขึ้น

ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามอยู่ได้นานแค่ไหน

ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์จะมีระยะเวลาแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์หรือยี่ห้อที่เลือกใช้ แต่โดยส่วนใหญ่ โบท็อกซ์จะมีอายุคงอยู่ได้เริ่มต้นตั้งแต่ 3 เดือน ไปจนถึง 24 เดือน ทั้งนี้นอกจากจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและคุณภาพของโบท็อกซ์แล้ว การดูแลตนเองหลังการฉีดโบท็อกซ์ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเช่นกัน ดังนั้นคนไข้จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ได้อย่างยาวนาน

ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามยี่ห้อไหนดี?

ในการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรรอบให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คนไข้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตรงต่อการแก้ปัญหาของตนเอง ดังนั้น คนไข้จึงต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการตัดสินใจซึ่ง 44Clinic ได้รวบรวมรายละเอียดของฟิลเลอร์แต่ละแบรนด์ มาไว้ให้คุณได้เลือกใช้ตามข้อมูลในหัวข้อนี้แล้ว

1. Allergan (โบท็อกซ์อเมริกา)

Botox Allergan มีงานวิจัยรองรับยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 1989 และผ่านการพัฒนาเพื่อทำให้โอกาสในการดื้อยาน้อยที่สุด ได้รับการยอมรับมากที่สุดในบรรดายี่ห้ออื่นๆ ให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด เพราะโมเลกุลกระจายได้แคบที่สุด เมื่อแพทย์ฉีดตัวยาเข้าไปจึงสามารถควบคุมการกระจายตัวได้ดี นิยมฉีดเข้ากล้ามเนื้อให้มีขนาดเล็กลง แก้ปัญหาเหนียงคอ ผิวหน้าหย่อนคล้อย หน้าห้อยหรือหน้าตก ซึ่งจะอยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติ มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

2. Dysport (โบท็อกซ์อังกฤษ)

จุดเด่นของโบท็อกซ์อังกฤษ คือเมื่อฉีดแล้วตัวยากระจายทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบๆ เหมาะกับการฉีดลิฟท์กรอบหน้าด้วยเทคนิค Dermolift เพื่อยกกระชับผิว สำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวจะตึงขึ้นประมาณ 50% นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่อง และเนื่องจากโบท็อกซ์อังกฤษมีการกระจายตัวยากว้าง แพทย์จึงต้องมีประสบการณ์และใช้ความระมัดระวังในการฉีด เพื่อไม่ให้ยากระจายไปยังจุดที่ไม่ต้องการ และทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น ตาตก ยิ้มไม่สุด มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

3. Xeomin (โบท็อกซ์เยอรมัน)

โบท็อกซ์เยอรมันเน้นการพัฒนาโดยนำเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน ตัวยามีความบริสุทธิ์สูง ไม่มีโปรตีนผสม ถ้าคนไข้ฉีดโบท็อกซ์ Xeomin ก็จะได้รับตัวยาโบท็อกซ์เพียวๆ 100% มีโอกาสดื้อยาน้อยที่สุด ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาให้ความเป็นธรรมชาติ ไม่เเข็งตึง ได้ผลดีในคนไข้ที่ดื้อยา (หากเป็นคนไข้ที่เคยดื้อยาเเล้วหยุดฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 2-3 ปี แพทย์จะเเนะนำให้ใช้ Xeomin) และยังเป็นโบท็อกซ์ที่สามารถฉีดได้ไม่จำกัดปริมาณต่อครั้ง มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 1ปี หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

4. Nabota (โบท็อกซ์เกาหลี)

เป็นโบท็อกซ์ยี่ห้อเดียวของเกาหลีที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย. อเมริกา U.S.FDA Approved (2018) สกัดจากธรรมชาติผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Hi – Pure Technology ได้สารออกฤทธิ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% ไม่ก่อให้เกิดการดื้อยา เน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ได้ไว ช่วยลดริ้วรอยที่หน้าผาก ปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กเข้ารูป และช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 6 – 8 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

5. Botulax (โบท็อกซ์เกาหลี)

เป็นโบท็อกซ์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะราคาย่อมเยาว์ ใช้รักษาริ้วรอยบริเวณหางตา ระหว่างคิ้ว รอยย่นหน้าผาก ลดปีกจมูก ลดกราม ลดโหนกแก้ม ยกกระชับหน้าและลดน่อง สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3 – 4 วันหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ มีความปลอดภัยสูงและได้รับการรับรอง อย. จากไทย มีฤทธิ์อยู่ได้นานถึง 6 – 8 เดือน หรืออาจจะมากกว่านั้น ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

6. Aestox (โบท็อกซ์เกาหลี)

โบท็อกซ์ Aestox เป็นโปรตีนที่สกัดมาจากแบคทีเรีย Clostridium Botulinum ถูกผลิตขึ้นที่ประเทศเกาหลี ใช้สำหรับ ลดริ้วรอยบนใบหน้าที่ แก้ปัญหากล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณต่างๆหรือแม้กระทั่งใช้ในการปรับรูปหน้า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง อีกทั้งยังลดปัญหาในการดื้อยาได้อีกด้วย มีฤทธิ์อยู่ได้นาน 6 – 8 เดือน เป็นโบท็อกซ์แบรนด์ใหม่ล่าสุดที่พึ่งจะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย และ KFDA ของประเทศเกาหลี มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย สามารถสลายไปได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างอย่างแน่นอน

7. BTXA (โบท็อกซ์ฮ่องกง)

เป็นแบรนด์ที่ได้นำเข้ามาจากประเทศฮ่องกง คิดค้นโดย Prof.Sugiyama และ Dr.Yinchun Wang ทั้งสองคนเป็นผู้คิดค้น Botulinum Toxin ร่วมกับ Dr.Scott เจ้าของแบรนด์ดังจาก USA และ Botox BTXA ผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐานสากลมีการศึกษาพัฒนามานานกว่า 30ปี ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแถบเอเชียและอเมริกาใต้ หน้าที่ของ Botox BTXA ช่วยในการคลายกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อหยุดการทำงานชั่วคราว ส่งผลให้บริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์มีขนาดที่เล็กลง ริ้วรอยตื้นขึ้น และช่วยในการยกกระชับได้ดี จุดเด่นของ Botox BTXA คือช่วยลดขนาดกรามสามารถเห็นผลได้ภายใน 2 – 3 วันหลังจากฉีด หรือ 1 อาทิตย์ (ในคนไข้บางราย) ออกฤทธิ์ยาวนานกว่า 6 เดือน และผลตอบรับจากลูกค้าเป็นที่น่าพึงพอใจมากกว่า 98%

8. Hugel (โบท็อกซ์เกาหลี)

เป็นเกรดพรีเมี่ยมที่ดีที่สุดจากประเทศเกาหลี คุณภาพของตัวยาโบท็อกซ์เทียบเท่ามาตรฐานของ USA ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย (Thailand FDA) และได้รับการรับรองมาตรฐานและคุณภาพจากสำนักงานกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศเกาหลี (KFDA) ซึ่งฐานในโรงงานการผลิตใช้ Robot ที่ได้มาตรฐาน ปลอดสารปนเปื้อน Purify 99.51% ป้องกันการดื้อยาและใช้เวลาในการเริ่มออกฤทธิ์ประมาณ 1 – 2 วัน อยู่ได้ยาวนาน 4 – 6 เดือน

อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับ Botox

 

error: Content is protected !!