ฟื้นฟูหน้าใสด้วยเมโสหน้าใส

สาเหตุของผิวหน้าหมองคล้ำ

          ปัญหาหน้าหมองคล้ำ เกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น แสงแดด มลภาวะ ความเครียด การนอนดึก โดยส่วนใหม่มักจะเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย จึงทำให้ขาดความมั่นใจ ดูไม่สดใส ไม่มีสง่าราศี วันนี้ “44Clinic” จึงมาให้คำแนะนำสำหรับสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ

1.ผิวหน้าหมองคล้ำจากแสงแดด

แสงแดดเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าเกิดความหมองคล้ำ การรับแสงแดดร้อนจ้าเป็นเวลานานเกินไปอาจจะเกิดอันตรายต่อผิวได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเม็ดสีเมลานินที่เข้มขึ้น นอกจากผิวหน้าจะหมองคล้ำอาจเกิด จุดด่างดำและทำให้ผิวหยาบกร้าน เนื่องจากตัวรังสี UV เข้าไปทำลายเส้นใยบนผิวหนังหรืออีลาสติน (Elastin)  ทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา เช่น ผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับ เกิดริ้วรอยได้ง่าย และอาจจะส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้

2.ความเครียด

ความเครียดเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ส่งผลต่อสุขภาพจิตทำให้ร่างกายแย่ลง ระบบการทำงานในร่างกายต่างๆทำงานผิดปกติ  อาจทำให้เกิดสิวได้อีกเพราะเนื่องจากความเครียดจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติจึงเป็นสาเหตุของการเกิดสิว และความเครียดทำให้ร่างกายผลิตเมลานินมากกว่าปกติจึงเป็นสาเหตุทำให้หน้าหมองคล้ำ

3.การสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่ทำให้หน้าหมองคล้ำได้เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินที่เป็นสาเหตุทำให้เลือดไม่ไหลเวียน ส่งผลให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส แห้งกร้าน และอาจจะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร นอกจากนี้บุหรี่ยังเข้าไปทำลายคอลลาเจนในร่างกายอีกด้วย

4.อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป

แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ถือเป็นตัวการในการทำให้ผิวหมองคล้ำ เพราะในหน้าจอคอมพิวเตอร์มีรังสียูวีเอ และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในขณะที่อยู่หน้าจอเป็นเวลานานเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ดูซีรี่ส์ เล่นเกมส์ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานหรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรที่จะทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสีบนหน้าจอ

วิธีการแก้ไขปัญหาผิวด้วยเมโสหน้าใส

การแก้ไขปัญหาผิวด้วยเมโสหน้าใส เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้าที่หมองคล้ำ เสื่อมโทรม ให้กลับมากระจ่างใสแลดูสุขภาพดีได้อย่างรวดเร็ว สามารถเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 1 – 3 วัน โดยที่ไม่ก่อให้เกิดการตกค้าง หรืออันตรายใดๆ ต่อร่างกาย เนื่องจากสารที่อยู่ภายในตัวยาเมโสแต่ละยี่ห้อล้วนเป็นสารที่สกัดได้มาจากธรรมชาติทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องเลือกตัวยาที่ได้มาตรฐาน และดำเนินการและดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวคนไข้เอง

เมโสหน้าใสเหมาะกับใครและไม่เหมาะกับใคร

เมโสหน้าใสเหมาะกับใคร

          เมโสหน้าใสเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส รูขุมขนกว้าง ผิวแห้งขาดน้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ คนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง อดนอน ทำงานหนัก และสำหรับคนที่ไม่ชอบทาครีมบำรุง เพราะการฉีดเมโสเข้าสู่บริเวณที่มีปัญหาจะเห็นผลไวกว่าการทาครีม ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ทำให้ใบหน้ากระจ่างใส กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวฉ่ำวาวแลดูผิวสุขภาพดี ช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย

เมโสหน้าใสไม่เหมาะกับใคร

  • ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์หรือสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจ
  • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
  • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีอาการแพ้จากสารอื่นอยู่
  • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
  • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ
  • ไม่เหมาะกับคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็ง

อันตรายจากการฉีดเมโสหน้าใส

การฉีดเมโสหน้าใสไม่เป็นอันตราย เพราะในส่วนผสมของตัวยาเมโสนั้นเป็นสารประกอบจากธรรมชาติ ช่วยบำรุงและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหน้า แต่คนไข้ต้องเลือกฉีดเมโสด้วยตัวยาแท้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานขององค์การระดับโลก มีงานวิจัยรองรับต้องเป็นตัวยาที่ผ่าน อย. และสามารถตรวจสอบได้เท่านั้น

ข้อดี-ข้อเสียของเมโสหน้าใส

ข้อดีของเมโสหน้าใส

  • เมโสหน้าใสเป็นสารบำรุงผิวที่เห็นผลไวกว่าการทาครีมบำรุง
  • การฉีดเมโสหน้าใสไม่ต้องรอพักฟื้น ฉีดเสร็จสามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • เมโสหน้าใสช่วยรักษาปัญหาผิวหน้าได้อย่างเร่งด่วน เช่น รอยดำ รอยแดง สิว รูขุมขนกว้าง เป็นต้น

ข้อเสียของเมโสหน้าใส

  • อาจจะเกิดอาการแพ้ อักเสบหรือฟกช้ำในคนไข้บางราย แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • อาจจะเกิดรอยแดง ช้ำ รอยเข็มจุดเล็กๆตรงบริเวณที่ทำการฉีด 

สรุป

          การฉีดเมโสหน้าใสเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการดูแลรักษาผิวหน้าที่ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ด้วยส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ จะช่วยดูแลและฟื้นฟูผิวหน้าจากภายในสู่ภายในสู่ภายนอก คืนความกระจ่างใส พร้อมแก้ไขทุกความกังวลเกี่ยวกับปัญหาบนใบหน้าของคนไข้ เห็นผลลัพธ์และความเปลี่ยนแปลงภายใน 3 – 7 วัน โดยไม่มีอันตรายใดๆ เพียงแต่คนไข้ต้องเลือกทำกับคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่ง “44Clinic” เป็นหนึ่งในคลินิกที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยและดำเนินการรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานที่มีประสบการณ์ยาวนานในวงการเสริมความงาม คนไข้จึงมั่นใจได้เลยว่าหากเลือกฉีดกับ “44Clinic” จะได้รับผลลัพธ์ที่พึงพอใจและมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

ปรึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
error: Content is protected !!