PRP ฝ้า กระ

รักษาฝ้า กระ ด้วย PRP

          สำหรับประเทศไทย ที่มีสภาพอากาศเป็นเมืองเขตร้อน แสงแดด เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้า และกระ ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส สีผิวไม่เสมอกัน ดังนั้นในวงการเสริมความงามจึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อใช้ในการรักษา เช่น การฉีดเมโสเทอราปี การทำเลเซอร์ หรือการทำ PRP ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาศึกษาในส่วนของวิธีการรักษา ฝ้ากระ ด้วยการทำ PRP หรือ Platelet Rich Plasma กัน

สอบถาม 24 ชม.
โทรด่วน
chatnow

ฝ้า กระ คืออะไร

ปัญหา ฝ้า กระ ที่สาวๆหลายคนกังวลเป็นอย่างมาก มักเกิดขึ้นบริเวณโหนกแก้ม หรือหน้าผากที่เป็นจุดรับแสง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากกับคนเอเชียทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนมากจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงในช่วงอายุ 20 – 50 ปี

ฝ้า เกิดจากความผิดปกติของการสร้างสีผิวของผิวหนังบางบริเวณและเกิดขึ้นกับเฉพาะบางคนเท่านั้น การผิดปกติของเมลานินหรือการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ส่งผลให้บริเวณนั้นมีรอยสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ (Hyperpigmentation) หรือในคนไข้บางรายอาจมีลักษณะเป็นปื้นหรือเข้มเป็นกระจุกได้ เนื่องจากเป็นบริเวณถูกแสงแดดบ่อย โดยมักจะเกิดขึ้นกับคนผิวขาวมากกว่าผิวดำ และยังพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ถึง 8 เท่า

 กระ เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีมากขึ้นเมื่อถูกแสงแดด ลักษณะของกระ จะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆขึ้นตามบริเวณหน้าแก้ม ดั้ง จมูก หรือส่วนอื่นๆของร่างการ เกิดขึ้นกับคนที่มีผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ หรืออาจจะเกิดขึ้นมาจากกรรมพันธุ์ คนที่พ่อแม่เป็นกระ ลูกก็มีโอกาสเป็นกระมากกว่าคนทั่วไป

ปัจจัยที่กระตุ้นทำให้เกิดฝ้า กระ

  • เครื่องสำอาง การใช้เครื่องสำอางบางประเภทที่อาจจะมีส่วนผสมของสารเคมี สารกันบูดหรือสารปรอด สารจำพวกนี้ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเม็ดสีเมื่อใช้เป็นเวลานาน อาจจะมีสารตกค้างใต้ผิวหนังจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้
  • ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การทำงานหนักมากเกิดไปอาจจะผลให้ฮอร์โมนของต่อมใต้สมองสูญเสียการสมดุล ส่งผลให้ผิวหน้าดูคล้ำขึ้น
  • แสงแดด การได้รับแสงแดดจาก UVA และ UVB มากเกินไปอาจจะส่งผลให้เซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวได้รับการกระตุ้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สีผิวบริเวณนั้นเข้นขึ้นนั้นเอง
  • ฮอร์โมน อาจจะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีในการทำงานมากขึ้น เช่น การกินยาคุม ภาวะการตั้งครรภ์ การเข้าสู่วัยทองและการหมดประจำเดือน

PRP ฝ้า กระ เหมาะสำหรับใคร

เหมาะกับผู้ที่มีลักษณะหลักๆดังนี้

  1. เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าตื้น (Epidermal Type) คือฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังกำพร้า จะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาล เกิดขึ้นได้ง่ายและสามารถรักษาหายได้
  2. เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าลึก (Dermal Type) คือฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณชั้นหนังแท้ใต้ชั้นหนังกำพร้า จะมีลักษณะเป็นสีม่วงหรือ สีเทาอมฟ้า ฝ้าชนิดนี้จะรักษาได้ยากกว่าชนิดตื้น และไม่ค่อยหายขาด แต่จะช่วยให้ค่อยๆจางลง
  3. เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าแดด คือฝ้าที่เกิดจากรังสี UVA และ UVB จากแสงแดดที่ส่องมากระทบบนใบหน้า หรือแสงสีฟ้าที่เกิดมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ต่างๆ เพราะปัจจัยเหล่านี้อาจะทำให้ใบหน้าเกิดฝ้าโดยไม่รู้ตัว ลักษณะของฝ้าจะเป็นสีน้ำตาลคล้ำ หรือสีเทาอมม่วง คนไข้บางคนอาจจะเข้นขึ้นเรื่อยๆ
  4. เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฝ้าเลือด ฝ้าเลือดเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าเนื่องจากรับรังสีอัลตราไวโอเล็ตจากแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกแขนงเป็นกระจุก เกิดเป็นรอยสีชมพู สีน้ำตาลแดง หรือคนไข้บางคนอาจจจะสีคล้ำไปเลย

PRP ฝ้า กระ ช่วยเรื่องอะไร

          PRP รักษาฝ้า กระ ช่วยในเรื่องการฟื้นฟูเซลล์ผิว ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยลดจุดด่างดำเพราะในเกล็ดเลือดที่เข้นข้นอุดมไปด้วยโปรตีนที่จำเป็นต่อผิว ทำให้ผิวบริเวณที่เป็นฝ้า กระ ดูจางลง ผิวสุขภาพดี ดูอ่อนเยาว์ ไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อน เพราะเป็นสารที่เกิดขึ้นจากร่างกายคนไข้เอง

PRP ฝ้า กระ ต้องฉีดบริเวณไหน

          การรักษาฝ้า กระ ด้วย PRP คือการรักษาฝ้า กระ โดยใช้ Growth Factor ที่มีอยู่ในร่างกาย โดยการนำเอาเกล็ดเลือดของคนไข้ออกมาผ่านกระบวนการกรรมวิธีโดยเฉพาะ แล้วฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่เกิดปัญหาฝ้า กระ เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่มีความผิดปกติบนผิวหน้า ทำให้บริเวณที่เกิดฝ้า กระ แลดูจางลง กระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ และยังช่วยสร้างเส้นใยคอลลาเจนทำให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่

PRP ฝ้า กระ อยู่ได้นานเท่าไหร่

         การรักษาฝ้า กระ ด้วย PRPโดยปกติจะเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังทำประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ และจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนประมาณ 1 เดือน ในการรักษาคนไข้จะต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันอย่างน้อย 2 – 3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ข้อดีของ PRP ฝ้า กระ

          การรักษาฝ้า กระ ด้วย PRP เป็นการฟื้นฟูสภาพผิวบนใบหน้า ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยมากเนื่องจาก Plasma สกัดมาจากเลือดของคนไข้เอง ทำให้คนไข้ไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้ หรือผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นตามมา

ข้อเสียของ PRP ฝ้า กระ

          หลังจากการรักษาฝ้า กระ ด้วย PRP จะมีอาการบวมเล็กน้อยและคนไข้บางรายอาจจะมีรอยฟกช้ำประมาณ 3 – 4 วัน ซึ่งรอยฟกช้ำจะค่อยๆหายไปและดีขึ้นเอง

ประโยชน์ของ PRP

           ด้วย Plasma จากเกล็ดเลือดที่มีส่วนประกอบสำคัญที่เรียกว่า “Growth Factor” ที่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้าง      คอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวจึงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการฉีดเพื่อฟื้นฟูบำรุงผิวหน้าและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้เป็นอย่างดี มีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงอันตราย และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรืออาการแพ้ได้อย่างแน่นอน นอกจากนั้นในวงการแพทย์  PRP ยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาอาการของโรคกระดูก หรือแม้กระทั่งการปลูกผมได้อีกด้วย

การทำ PRP ฝ้า กระ กับ44Clinic ดีอย่างไร

          ด้วยประสบการณ์ของทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญจะช่วยให้คนไข้รักษาปัญหาฝ้าได้จริง ดังนั้น คนไข้จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าหากเลือกทำ PRP ฝ้า กระ กับ 44Clinic คนไข้จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและได้รับความปลอดภัยอย่างแน่นอน

สรุป

          การรักษาฝ้า กระ ด้วยPRP นอกจากจะช่วยรักษาฝ้า กระ ให้ดูจางลงแล้ว การทำ PRP ยังช่วยบำรุงผิวหน้าที่แห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ กระชับ และเรียบเนียน ในการรักษาฝ้า กระ จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนก็ต่อเมื่อคนไข้เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่แต่ละบุคคล

 

บริการอื่นของ 44 คลินิก

ฟิลเลอร์
โบท็อกซ์
เทอร์มาจ
ร้อยไหม
เลเซอร์
เมโสหน้าใส
เมโสแฟต
ฉีดวิตามินผิว
รักษาสิว
ทรีตเมนท์
สอบถาม 24 ชม.
โทรด่วน
chatnow

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!