ข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์
สวัสดีค่ะ ในบทความนี้ 44Clinic จะมาแนะนำถึงการดูแลตัวเองและข้อควรปฏิบัติที่ถูกต้องหลังการฉีดฟิลเลอร์ที่ใครหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ต้องทราบก่อนว่าการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น จึงใช้เวลาไม่นานขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละคน โดยแพทย์จะใช้เวลาในการฉีดฟิลเลอร์อยู่ประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์เสร็จเป็นที่เรียบร้อย คนไข้จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในบริเวณที่ฉีดทันที แต่หลังจากคนไข้ฉีดไปแล้ว 4 – 5 วัน จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ 100% โดยฟิลเลอร์จะมีอายุอยู่ได้ 1 – 2 ปี และจะค่อยๆสลายเองไปตามธรรมชาติ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์จะหายบวม เข้าที่ดูเป็นธรรมชาติ และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ 44Clinic จึงรวบรวมการดูแลตัวเองและข้อปฏิบัติต่างๆมาให้ทุกท่านดังนี้
วิธีการดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์
1.งดนอนราบหลังการฉีดฟิลเลอร์
งดนอนราบในช่วง 4 ชั่วโมงแรกหลังทำ ควรนอนยกหัวให้สูงกว่าระดับหน้าอก โดยการหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ และไม่ควรนอนตะแคง ควรหาหมอนข้างมากันไว้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา เพื่อป้องกันการกดทับบนใบหน้าเพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูปได้
2. ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดและความร้อน
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วในช่วง 48 ชั่วโมงแรก แพทย์จะแนะนำให้คนไข้หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงและกิจกรรมที่กระตุ้นทำให้ใบหน้าแดง เช่น การเข้าห้องซาวน่าหรือการแช่ออนเซ็น การตากแดด การออกกำลังกายหนักๆ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายอย่างที่เข้าใจผิดกัน แต่ความร้อนจะทำให้ผิวยืดหดมากกว่าปกติ ส่งผลต่อการเซตตัวของฟิลเลอร์ หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วผิวอาจจะมีความเซนซิทีฟมากกว่าปกติ การโดนความร้อนอาจทำให้เกิดรอยแดง การระคายเคืองและผื่นขึ้นจากรอยเข็มที่ยังเปิดอยู่
3.ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไป สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือห้ามกด นวด รวมถึงการสัมผัสแรงๆในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเคลื่อนที่ไปจากบริเวณที่ฉีดได้และในบางเคส แพทย์ใช้การฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกหน้า การนวดจึงทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางแผนไว้ ทั้งนี้หากหลังฉีดฟิลเลอร์คนไข้มีอาการคันหรือระคายเคือง ห้ามเกาโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบของผิวได้ หากอาการคันไม่หายไปภายใน 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อความปลอดภัย
4.ควรหลีกเลี่ยงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะแนะนำให้งดการดื่มแอลกอลฮอล์ ของมึนเมา เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีด อาจจะทำให้เลือดออกในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ การสูบบุหรี่หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น สูบบุหรี่หลังจากฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก อาจจะทำให้รูปปากที่แพทย์ได้ทำการฉีดปากผิดรูปได้ เพราะฉะนั้นแนะนำให้งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์อย่างน้อยประมาณ 2 – 3 วัน
5. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
กลุ่มยาที่จะมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และยาแก้อักเสบบางชนิด เป็นยาที่ควรหลีกเลี่ยงทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดลงไปในผิวหนังชั้นลึก ถ้าเกิดโดนเส้นเลือดขณะฉีดอาจทำให้เลือดหยุดไหลได้ช้า ทำให้ช้ำง่ายกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย และไม่เสี่ยงช้ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวอย่างน้อย 1 สัปดาห์
6.ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของกรดผลไม้
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามิน เช่น กิงโกะ น้ำมันพริมโรส กระเทียม โสมและวิตามินอี ทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าสารเหล่านั้นจะทำปฎิกิริยาหรือส่งผลร้ายกับการฉีดฟิลเลอร์ แต่สารเหล่านั้นจะทำให้คนไข้เสี่ยงกับภาวะช้ำได้ง่ายกว่าปกติ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA หรือ Retinoids ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวและบริเวณที่ฉีดสารฟิลเลอร์ได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงก่อนชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของคนไข้
7.ควรหลีกเลี่ยงการแว็กซ์ขน ถอนขน ย้อมสีขน หรือใช้ครีมกำจัดขน
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์แล้วผิวหนังบริเวณที่ฉีดอาจมีความบางลงชั่วคราว ประมาณ 2 – 3 วัน ซึ่งหากในระหว่างนี้ มีการกำจัดขนด้วยวิธีต่างๆ เช่น การแว็กซ์ขน ถอนขน ใช้ครีมกำจัดขน หรือทำการย้อมสีเส้นขน ก็อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เสี่ยงต่อการอักเสบและติดเชื้อได้ที่ผิวหนัง ดังนั้นคนไข้จึงควรหลีกเลี่ยงไปก่อนจะดีที่สุด
8. ควรดื่มน้ำมากๆ
ฟิลเลอร์ คือ สารไฮยารูลอนิค เอซิด ซึ่งมีฤทธิ์ในการอุ้มน้ำได้ดี หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วในช่วง 4 – 5 วันแรก แพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 – 10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและคงทน เพราะการดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารอุ้มน้ำ มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น และทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูฟูสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
การฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานที่สุด 2 ปีและจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากหากคนไข้ดูแลตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของคนไข้ได้หากทำข้อปฏิบัตินี้ได้ โดยเฉพาะการดื่มน้ำ การไม่ออกแดดหรือทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำจำนวนมากๆได้ ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี สวย ดูเป็นธรรมชาติ และหากมีอาการบวมแดง นานเกิน 3 วัน ควรรีบปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษา
อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Filler (ฟิลเลอร์) “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ใต้ตา “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ปาก “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์คาง “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม “คลิกที่นี่“
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ขมับ “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์หน้าผาก “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์แก้มตอบ “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Juvederm Filler “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Restylane Filler “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Neuramis Filler “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Yvoire “คลิกที่นี่”