ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย เป็นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อเมริกาที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ด้วยมาตรฐานที่มีคุณภาพสูง นำเข้ามาโดยบริษัท Allergan Thailand มีประสบการณ์ด้านการผลิตมากกว่า 36 ปี ฟิลเลอร์Juvederm มีเทคโนโลยี Hylacross ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับได้ดี เน้นการพัฒนาฟิลเลอร์ให้เป็นเนื้อเจล จึงเป็นเหตุผลที่ 44Clinic เลือกใช้ฟิลเลอร์ Juvederm เพื่อให้คนไข้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย
ฟิลเลอร์ Juvederm มีจุดเด่นในด้านความเรียบเนียน ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ LIDOCAINE ที่เป็นยาชาจึงช่วยลดความเจ็บและเพิ่มความผ่อนคลายขณะฉีด และยังได้พัฒนาเทคโนโลยี Vycross ทำให้สารเติมเต็ม สามารถยกกระชับได้ดี ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เรียบเนียน สวยแบบไร้ที่ติ นอกจากนี้ Filler Juvederm ยังมีกระบวนการผลิต 2 เทคโนโลยี คือ Hylacross และ Vycross Technology
- Hylacross Technology คือเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของค่าความอุ้มน้ำได้ดี เป็นตัวดั้งเดิมของฟิลเลอร์ Juvederm ฉีดแล้วฟู ตัว HA มีความยืนหยุ่นสูง สามารถทนต่อการขยับได้ดี เหมาะกับการฉีดบริเวณที่ผิวมีการขยับบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม แก้ปัญหาแก้มตอบ โดยฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นที่อยู่กลุ่ม Hylacross ได้แก่รุ่น Ultra Plus
- Vycross Technology คือเทคโนโลยีล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นให้มีคุณสมบัติในการยกกระชับได้ดี มีโมเลกุลยึดเกาะที่หนาแน่น และมีอัตราการบวมน้ำหรืออุ้มน้ำน้อย เมื่อเทียบกับ HA อื่น จึงช่วยให้ผลลัพธ์หลังฉีด เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน ดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานครับ เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเติมความอวบอิ่มของริมฝีปากหรือฉีดเพื่อเติมเต็มร่องแก้มซึ่ง Juvederm กลุ่ม Vycross ได้แก่รุ่น Volite, Voluma, Volift, Volbella และ Volux
ฟิลเลอร์ของ Juvederm มีทั้งหมด มี 6 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและการนำไปใช้เติมเต็มผิวหน้าที่แตกต่างกัน
Juvederm Voluma
ฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์เสมือนเป็นการเติมเต็มเนื้อเยื่อที่ขาดหายไปบนผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณร่องแก้ม ขมับ แก้ไขปัญหาหน้าตอบ ปรับแต่งรูปหน้าได้ตามต้องการในทุกๆ ส่วนเนื่องจากเนื้อฟิลเลอร์มีปริมาณของ HA ที่เหมาะสม เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียน ทำให้เมื่อฉีดลงบนใบหน้า สามารถเติมเต็ม Volume ได้อย่างสม่ำเสมอ ดูเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 1 – 2 ปี
- ยกกระชับใบหน้าได้ดีที่สุด อยู่ได้นานที่สุดในบรรดาฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ
- เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่น คงตัว เรียบเนียน ไม่ไหล
- ปั้นง่าย ปรับรูปหน้าได้สวย ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- เหมาะกับคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้าเยอะๆ และต้องการปรับรูปหน้า
- อยู่ได้นานถึง 2 ปี คุ้มค่า ไม่ต้องฉีดบ่อย
- ไม่บวม ไม่ช้ำ และเห็นผลทันทีหลังฉีด
Juvederm Volift
เป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของ HA หรือ Hya สูงถึง 17.5mg% ซึ่งฟิลเลอร์ชนิดนี้เหมาะสำหรับฉีดบริเวณร่องแก้ม ร่องมุมปาก หน้าผาก ขมับ ด้วยเนื้อฟิลที่เลอร์มีความนิ่มปานกลาง เรียบเนียน ไม่ไหล คงตัวผสานกับเนื้อเยื่อได้ดี ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 18 – 24 เดือน
- เนื้อฟิลเลอร์นิ่มปานกลาง เรียบเนียน ไม่ไหล
- มีความคงตัวสูงคงและมีคุณสมบัติช่วยยกกระชับใบหน้า
- เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึกต่างๆ รวมไปถึงการฉีดปากเพื่อให้ได้รูปปากที่สวยตามต้องการ
- ไม่บวม ไม่ช้ำ และเห็นผลทันทีหลังฉีด
Juvederm Volbella
เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อฟิลเลอร์นิ่มพิเศษ โดยมีความเข้มข้นของ HA หรือ Hyaluronic Acid สูงถึง 15mg% ให้ความเรียบเนียน เป็นฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับการฉีดที่บริเวณใต้เบ้าตา ทั้งตาบนและตาล่าง เพื่อแก้ปัญหาร่องน้ำตาลึก รวมถึงตาที่โหลลึก ซึ่งจะช่วยให้ใต้ตาดูเป็นธรรมชาติ ดูเต็มมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน
- เนื้อฟิลเลอร์นิ่มที่สุด ให้ความเรียบเนียน แม้ฉีดตื้น
- เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณผิวหนังบาง ๆ เช่น ใต้ตา
- ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่บวมไม่ซ้ำ และเห็นผลทันทีหลังฉีด
Juvederm Volite
เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติ HA ที่อ่อนนุ่มที่สุด เมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ตัวอื่นๆ เรียบเนียน เกลี่ยง่าย และด้วยความละเอียดของสาร ทำให้ Volite แทบไม่มีผลกระทบต่อผิวบริเวณที่ฉีด และหลังจากการฉีด ผิวจะค่อยๆรู้สึกเรียบเนียน สว่างสดใสขึ้น ด้วยคุณสมบัติการลดริ้วรอยและช่วยให้ผิวอิ่มฟูขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว รักษาความชุ่มชื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยทำหน้าที่เป็นที่กักเก็บน้ำให้แก่ผิว บางคนอาจใช้คำว่า Skin Booster ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี อ่อนนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวดูฉ่ำวาว ผลลัพธ์หลังการรักษา ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นาน 6 – 12 เดือน
- เนื้อฟิลเลอร์บางเบา สามารถฉีดเข้าไปยังชั้นหนังแท้ (Dermis)
- ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น อิ่มฟู ฉ่ำวาวยืดหยุ่น ดูสุภาพดี
- ปรับสภาพผิวหมองคล้ำให้สดใสขึ้นช่วยลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนเล็กลง
- เห็นผลทันทีหลังฉีด ไม่ต้องพักฟื้น
Juvederm VOLUX
ได้รับการออกแบบมาเพื่อยกกระชับและปรับใบหน้าส่วนล่างโดยเฉพาะ เป็นฟิลเลอร์ผิวหนังที่มีความหนาแน่นของโมเลกุลสูง ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จะทำให้การยกกระชับและการปรับโครงหน้านั้นสมบูรณ์แบบ ด้วยเหตุนี้ VOLUX จึงเป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นมาเพื่อเสริมสร้างโครงหน้าและเสริมบริเวณคาง นอกจากนี้ยังทำให้การยกกระชับ ใบหน้าและปั้นโครงกราม (Jawline) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และยังสามารถใช้ร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์ไปที่ใบหน้าส่วนล่างหรือคอแบบที่ไม่ต้องผ่าตัดได้อีกด้วย
- เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุล มีความหนาแน่นสูง เนื้อแข็ง ทำให้สามารถปั้นขึ้นรูปได้ดี
- เนื้อฟิลเลอร์มีความแข็ง จึงทำให้มีความคงตัว และ เคลื่อนที่ได้ยาก
- ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 24 เดือน
Juvederm Ultraplus XC
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มฟิลเลอร์ Hylacross เนื่องจากความเข้มข้นของไฮยารูลอนิกเอซิดที่สูงแล้ว ยังมีแรงยกของตัวยาที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นรุ่นที่มีลักษณะเนื้อนิ่มและฟูมาก ทำให้เต็มสวย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกต่างๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามวัย ต้องการปรับรูปหน้า นิยมใช้เติมร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ขมับ โดยหลังการฉีดฟิลเลอร์ รุ่น Ultra Plus XC นี้สามารถอยู่ในชั้นใต้ผิวเราได้นาน 12 เดือนเลยทีเดียว
- เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่น คงตัว เรียบเนียน ไม่ไหล
- เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้า ให้สวย และดูเป็นธรรมชาติ
- ใช้ฉีดในบริเวณที่ต้องการความฟูมากๆ หรือบริเวณที่หายไปค่อนข้างเยอะ เช่น ขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ดูยังไง
ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กับทางคลินิกในแต่ละที่ คนไข้ต้องศึกษาตัวผลิตภัณฑ์และดูว่าฟิลเลอร์ที่ทางคลินิกใช้นั้นเป็นของแท้หรือไม่ คนไข้จึงจำเป็นต้องรู้วิธีการเหล่านี้ในการสังเกตเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟิลเลอร์ Juvedermที่ทางคลินิกใช้เป็นของแท้อย่างแน่นอน โดยมีวิธีการสังเกตดังนี้
- สังเกตดูที่ฉลากกำกับยาจะต้องเป็นเอกสารกำกับยาที่ข้างกล่องเป็นภาษาไทย
- เลข Lot ที่เห็นบนตัวสินค้า คนไข้สามารถนำไปตรวจสอบกับบริษัทที่นำเข้าได้ เพื่อเช็คให้ชัวร์เป็นของแท้ 100%
- กล่องที่ใช้งานในการฉีดจะต้องเป็นกล่องใหม่ ไม่ใช่กล่องที่ผ่านการแกะมาแล้ว หากเป็นในลักษณะดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะเป็นฟิลเลอร์ปลอมได้
- Juvederm Voluma จะมีเลข Serial Number ที่สามารถนำไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นของแท้ได้
- ในกล่องฟิลเลอร์ที่เปิดออกมาแล้ว จะมีฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้ทั้งหมด 2 CC ซึ่งบรรจุอยู่ใน Syringe 2 อัน
- ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่หมดอายุภายใน 1 ปี นับจากวันที่แกะกล่องครั้งแรก คนไข้สามารถแจ้งกับทางคลินิกได้ในการขอเช็คฟิลเลอร์เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของแท้หรือไม่ ก่อนที่จะเข้าทำการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความสบายใจของคนไข้และความปลอดภัยในการรักษา
ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ Juvederm ที่ใช้เพื่อเติมเต็มเนื้อเยื่อในส่วนที่ขาดหายไปบนใบหน้านั้น ถือว่ามีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์อื่น เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานมาจากอเมริกา ได้รับการรับรองจากหลากหลายสถาบันทั่วโลก เป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยกับผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีและมาตรฐานการผลิตที่ทันสมัย มีจุดเด่นในเรื่องของการยกกระชับหน้า ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีบริษัทที่ดูแลหลังการขายทั่วโลก ราคาของฟิลเลอร์แต่ละรุ่นของJuvedermจะแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับปริมาณ CC ที่ใช้ฉีด รวมไปถึงโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก ซึ่งโดยปกติแล้วฟิลเลอร์ Juvederm ราคาจะอยู่ที่ CC ละ 10,000 บาทเป็นต้นไปจนถึงราคา CC ละ 20,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคามาตรฐาน หากคนไข้พบราคาของฟิลเลอร์ Juvederm ที่ถูกมากเกินไป ก็อาจเสี่ยงเจอกับฟิลเลอร์ Juvederm ที่เป็นของปลอมหรือของลอกเลียนแบบได้ ดังนั้นคนไข้ควรศึกษารายละเอียดก่อนฉีดอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานของคลินิกที่เลือกใช้บริการ แพทย์ที่ดูแลเคส รุ่นของฟิลเลอร์Juvederm สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้คนไข้เกิดความสบายใจ ปลอดภัย และได้ฉีดฟิลเลอร์ของแท้ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง 44Clinic นั้นมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทีมงานคุณภาพ คนไข้จึงสามารถมั่นใจได้เลยว่าการฉีดฟิลเลอร์กับเรานั้นปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่พึงพอใจอย่างแน่นอน
ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ Juvederm
- ผู้ที่มีประวัติแพ้สารฟิลเลอร์ แพ้ไฮยาลูรอนิค หรือส่วนประกอบสำคัญในฟิลเลอร์ เช่น แพ้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แพ้คอลลาเจน ฯลฯ
- ผู้ที่อยู่ในช่วงรับประทานยาหรือวิตามิน ประเภทแอสไพริน, วิตามินอี, ใบแปะก๊วย ที่มีคุณสมบัติทำให้เลือดออกปริมาณมาก
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
- ผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่ผิวหนังมีอาการอักเสบหรือการติดเชื้อ ควรรักษาให้หายดีก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีโอกาสหรือประวัติการเกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย
สำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน ควรเว้นระยะก่อนการฉีดฟิลเลอร์ครั้งต่อไปอย่างน้อย 6 เดือน ทางที่ดีคนไข้ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการรักษาด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนของการรักษา ระยะเวลาของผลลัพธ์ที่คงสภาพ รวมไปถึงข้อจำกัด และข้อควรปฏิบัติต่างๆ จะทำให้คนไข้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการฉีดฟิลเลอร์มากยิ่งขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์ Juvederm มีผลข้างเคียงหรือไม่
เนื่องจาก Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ นำเข้าจากอเมริกา ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก FDA องค์การอาหารและยาของอเมริกา และอย. ในประเทศไทย เมื่อฉีดแล้วจึงไม่เกิดผลข้างเคียงอันตรายกับตัวคนไข้ แต่ถ้าใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือฉีดโดยผู้ที่ขาดความชำนาญ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงบางประการได้ เช่น อาการบวม ช้ำ รอยแดง รอยเขียว หากฉีดผิดตำแหน่งก็อาจจะทำให้ฟิลเลอร์ไปอยู่ในบริเวณที่ไม่ต้องการ ทำให้ไม่เกิดผลลัพธ์อย่างที่คนไข้ต้องการ
สรุป
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นฟิลเลอร์แบรนด์ชั้นนำจากอเมริกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่มีความอุ้มน้ำสูง เมื่อฉีดเข้าไปแล้วทำให้บริเวณที่ถูกเติมเต็มนั้นดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีอายุการออกฤทธิ์ยาวนานมากกว่าแบรนด์อื่น และให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูสวย เนียน อย่างเป็นธรรมชาติ
อ่านบทความอื่น ๆ เกี่ยวกับฟิลเลอร์
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Filler (ฟิลเลอร์) “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ใต้ตา “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ปาก “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์คาง “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม “คลิกที่นี่“
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ขมับ “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์หน้าผาก “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์แก้มตอบ “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข้อปฏิบัติหลังการฉีดฟิลเลอร์ “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Restylane Filler “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Neuramis Filler “คลิกที่นี่”
-
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Yvoire “คลิกที่นี่”